ทำธุรกิจเครือข่าย ทำไมต้องประชุม?

ทำธุรกิจเครือข่าย ทำไมต้องประชุมด้วยละ? (1)

ผมก็เป็นคนหนี่งที่สงสัย เมื่อได้ถูกเชื้อเชิญ ให้เข้าร่วมธุรกิจนี้ แต่ผมเป็นคนที่มีอย่างหนึ่งว่า ถ้าจะรู้อะไรแล้วต้องรู้ให้จริง ลองให้จริงเสียก่อนที่จะตัดสินว่ามันดีหรือไม่ดี ผมจึงได้เข้าไปร่วมประชุมธุรกิจนี้ ก่อนไปผมก็ลองถามเพื่อนๆ ดูว่าเขาเคยถูกชักชวนไปประชุมอย่างที่ผมถูกชวนหรือไม่ ปรากฏว่ามีหลายๆ คนที่เคยถูกชวนให้เข้าไปร่วมประชุม เขาบอกว่า



ไม่เห็นมีอะไร เขาให้เขาไปนั่ง แนะนำตัว แล้วพูดจาหว่านล้อมให้สมัคร แล้วก็สาธิตหรือบรรยายสรรพคุณสินค้า แล้วก็ชักชวนให้ซื้อสินค้า ซึ่งก็แพงแสนแพง



พอผมได้ฟัง ก็รู้สึกหวาดๆ เหมือนกัน เพราะฟังแล้วเหมือนกับว่า เขาจะชวนเราไปเข้าห้องเชือด ยังไง อย่างนั้น แต่เมื่อรับปากคนที่มาชวนแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะเกรงใจนั่นเอง แต่ก็คิดว่าถ้าที่ประชุมเป็นอย่างที่เขาเล่าให้ฟัง ผมก็จะต่อต้าน หรือไม่ให้ความร่วมมือ และไม่ยอมสมัครหรือซื้อสินค้า ใครจะมาทำอะไรผมได้ !!



พอใกล้วันที่จะประชุม ผมก็พยายามหาเรื่องที่จะไม่ไปประชุมด้วยเหตุผลต่างๆ นาๆ เพราะคิดว่าคงเหมือนกับที่คนอื่นๆ เล่าให้ฟัง ผมกะไว้ว่า ถ้าเพื่อนผมคนที่ชวนไม่โทรมาตาม ผมก็กะว่าจะบอกว่าลืมเพื่อที่จะได้ไม่ไป แต่พอถึงวันก่อนที่จะมีประชุม เพื่อนผมก็โทรมายืนยัน ว่าขอให้ไปให้ได้ ผมจึงต้องจำใจตอบตกลงไป โดยมาคิดว่าถ้าผมปฏิเสธด้วยเหตุผลต่างๆ ที่คิดขึ้นมาเพื่อที่จะไม่ไป ผมก็จะต้องกลายเป็นคนที่พูดโกหกแน่เลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบ ก็เลยตัดสินใจว่า ไปประชุมซักครั้ง นั่งฟังเฉยๆ ซักสองชั่วโมง ครั้งเดียวคงไม่เสียหายอะไร เพื่อให้คนที่ชวนผมจะได้ไม่มาชวนผมอีก ผลเป็นอย่างไรรู้ไหมครับ โปรดติดตามต่อไปได้เลย

พอถึงที่ประชุม ผมก็พบว่า ไม่ใช่มีแต่ผมคนเดียวที่ถูกชักชวนให้เข้าร่วมประชุม มีคนอีกมากมาย ที่มาเพื่อเข้าประชุม ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ อย่างที่คนอื่นเล่าให้ผมฟังก่อนหน้านี้ ผมคิดว่าคงจะมีคนแบบเดียวกับผม ที่กะว่าจะเข้ามาประชุมเพียงครั้งเดียว แล้วเลิกกัน ผมยังพบอีกว่า มีคนหลายๆ อาชีพ ทั้งคนทำงานบริษัท นักศึกษา ข้าราชการ หรือ คนที่ทำธุรกิจส่วนตัว เข้ามาเพื่อประชุม ระหว่างที่รอเวลา ผมได้มีโอกาสถามคนที่มาประชุมว่า เขามาประชุมกันเรื่องอะไรกันหรือ แล้วเขามาประชุมกี่ครั้งแล้ว เขาบอกว่า เขามาประชุมทุกครั้งที่จัดประชุม การประชุมจะบรรยายเกี่ยวกับธุรกิจ และเรื่องอื่นๆ โดยเขาบอกให้ผมลองตั้งใจฟังดูสักครั้งว่าเป็นอย่างไร น่าสนใจหรือไม่ ขอให้ทิ้งเรื่องที่เคยได้ยินมาเกี่ยวกับธุรกิจนี้ไปเสียก่อน แล้วตั้งใจฟัง ให้จบแล้วค่อยตัดสินด้วยตัวเองว่า ธุรกิจนี้เป็นอย่างไร ดีหรือไม่ดีอย่างไร ถ้าคุณไม่สนใจ ก็ไม่เป็นไร ชีวิตคุณก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ผมได้ฟังอย่างนั้นแล้ว ผมจึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้น เพราะจากที่เขาพูด มันก็มีเหตุผล ยังไงก็มาแล้ว ลองดูสักครั้ง จะเป็นไรไปละ

ผมเป็นคนหนึ่งที่ ไม่ค่อยจะเชื่อหรือคล้อยตามใครง่ายๆ ถ้าไม่มีเหตุผลที่สมควร มาสนับสนุน แต่หลังจากประชุมในวันนั้นเสร็จสิ้นลง ผมได้กระซิบบอกกับคนที่ชวนผมมาว่า



ขอใบสมัครให้ผมชุดหนึ่งซิ ผมเจอสิ่งที่ผมต้องการแล้ว!!”



เมื่อผมตัดสินใจทำธุรกิจเครือข่าย ผมได้อะไรๆ มากกว่าธุรกิจ



เมื่อผมตัดสินใจทำธุรกิจเครือข่าย ผมได้อะไรๆ มากกว่าธุรกิจผมเป็นคนหนึ่งซึ่งไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายมาก่อน เหตุเพราะเป็นคนที่ร่ำเรียนมาในสายวิทยาศาสตร์ ทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท รู้จักกับขายตรงครั้งแรกก็คือ เห็นลูกน้องเอาแคตาล็อกสินค้ามาให้ดูแล้วให้ช่วยซื้อ พวกน้ำยาดับกลิ่นกาย สบู่ อะไรพวกนี้ ผมดูแล้วพอเห็นราคาก็ตกใจเพราะราคามันแพงกว่าสินค้าที่ผมใช้อยู่หรือสินค้าที่วางขายในห้างประมาณ 1-2 เท่า แต่ก็ซื้อนะครับ เพราะผมเป็นคนชื่นชมคนที่ทำมาหากิน แล้ว อีกอย่างก็จะได้เป็นกำลังใจให้เขาด้วย  พอซื้อสินค้ามา บ้างก็ใช้ บ้างก็ไม่ได้ใช้ เพราะเสียดายเห็นว่ามันแพง มีอยู่วันหนึ่งลูกกลิ้งดับกลิ่นกายของเก่าหมด แล้วลืมซื้อของใหม่มา นึกได้ว่าเคยซื้อลูกกลิ้งที่ลูกน้องมาขายให้ เลยไปค้นมาใช้ ปรากฏว่า ติดใจ เป็นเพราะกลิ่นและคุณสมบัติของมันซึ่งผมรู้สึกได้ถึงข้อแตกต่าง ผมเลยต้องเป็นขาประจำลูกน้องผมไปโดยปริยาย ด้วยเหตุที่ผมไม่สามารถไปหาซื้อได้เอง และก็ไม่มีวางขายที่ไหน ถึงแพงก็ยอมครับ และเมื่อผมนำของทั้งสองอย่าง มาเปรียบเทียบปริมาณสุทธิแล้วของที่ผมซื้อแพงนั้น มีปริมาณมากกว่าของที่เคยใช้กว่าครึ่ง ราคาแพงกว่านิดหน่อยก็พอรับได้ สมเหตุสมผล ผมใช้สินค้าเพียงตัวเดียวไม่ได้ใช้สินค้าตัวอื่น  เพราะส่วนใหญ่เป็นเครื่องสำอางค์ของผู้หญิงครับนั่นคือครั้งแรกที่ผมได้รู้กับธุรกิจนี้  ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนักและก็เป็นแค่ลูกค้าซื้อของในราคาเท่ากับลูกค้าทั่วไป  แต่สิ่งที่ผมได้รับนอกเหนือจากการเป็นลูกค้าก็คือ การเอาใจใส่ดูแลจากลูกน้องคนที่มาขายสินค้าให้ผมและคนอื่นๆ ด้วยและการทำงานของผมกับลูกน้องก็ดูจะคล่องตัวขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความที่ผมเป็นลูกค้าของเขาหรือเป็นเพราะเหตุผลอื่น แต่ก็ช่างเถอะมันเป็นไปในทางที่ดีก็แล้วกันวันหนึ่งมีพี่ที่ผมนับถือซึ่งเป็นหมอ มาพูดเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงของบริษัทหนึ่งให้ผมฟัง และถาวมว่าผมเคยรู้จักธุรกิจนี้มาก่อนหรือเปล่า ผมบอกว่าไม่เคย เขาเลยเล่าให้ฟังว่าเป็นธุรกิจอะไร มีสินค้าอะไรบ้างแล้วแผนการตลาดเป็นอย่างไร รายได้มาได้อย่างไร ก็ไม่ค่อยจะละเอียดเท่าไรหรอกครับ เพียงแต่ผมซึ่งไม่เคยรู้เรื่องราวของธุรกิจขายตรงมากก่อนก็เลยตั้งใจฟัง เพราะว่าเกรงใจและผมมีนิสัยเป็นผู้ฟังที่ดีอยู่แล้ว ก็พอจะเข้าใจ แต่ก็ไม่ทั้งหมดครับ สุดท้ายผมก็เซ็นใบสมัครโดยคิดว่าไม่ได้เสียหายอะไร แล้วผมก็มองหาอะไรๆ ทำอยู่แล้วด้วย ค่าสมัครก็ไม่ได้ทำให้เดือดร้อน แล้วยังได้เป็นกำลังใจให้กับคนชวนด้วย พอกลับถึงบ้านหยิบคู่มือมาอ่านคร่าวๆ เพราะเนื้อหาค่อนข้างมาก แล้วผมก็ไม่ใช่คนที่ชอบอ่านอะไรยาวๆ แต่เห็นว่ามีคาตาล็อค มาให้เล่มหนึ่งซึ่ง สินค้าในนั้นผมก็ใช้อยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าแค่สมัครไว้ซื้อของใช้เองก็คุ้มแล้ว เพราะลูกน้องคนที่เคยมาขายของให้ผมลาออกไปแล้ว ผมเลยไม่รู้จะซื้อของที่ไหน และอีกอย่างที่ผมติดใจก็คือ ธุรกิจขายตรง” คำว่า ขาย” นี่ละผมจึงคิดว่าผมคงทำไม่ได้หรอก เพราะไม่ได้ร่ำเรียนมาทางนี้สัปดาห์ต่อมา พี่คนเดิมชวนผมไปฟังการบรรยายเกี่ยวกับธุรกิจนี้ ผมก็สงสัยว่า เออค่าสมัครเพียงไม่กี่ร้อย มีการจัดบรรยายเป็นเรื่องเป็นราวด้วยหรือ แต่ก็ไปครับ เพราะเกรงใจอีกนั่นละ พอไปฟังบรรยายก็เห็นบรรยากาศว่าไม่ได้มีเฉพาะคนรุ่นผม ที่สมัครเข้ามาในธุรกิจ มีทุกรุ่น ทุกวัย ทุกการศึกษา ทุกอาชีพ พอเข้าไปในห้องบรรยาย ก็ได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจโดยละเอียด ตั้งแต่ประวัติ วิธีการทำงาน แผนการตลาด รวมทั้งสินค้า มันก็น่าสนใจครับ เพราะบรรยากาศและลีลาการนำเสนอดีมาก ผมไม่ได้เชื่อทั้งหมดหรอกครับ เพราะที่ผมบอกว่าผมเรียนมาทางสายวิทยาศาสตร์ดังนั้น ผมไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ การจะเชื่ออะไรก็ต้องพิสูจน์และทดลองเสียก่อนจึงจะเชื่อ ผมจึงกลับมาอ่านคู่มืออีกครั้งและหาข้อมูลด้วยตนเอง ทั้งในอินเตอร์เน็ต หนังสือต่างๆ และถามคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ โดยผมจะพิจารณาจากเหตุผลของแต่ละคนที่ทำธุรกิจหรือเคยทำธุรกิจ ผลที่ได้ก็คือ ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่สำเร็จ แต่ที่ผมรู้ก็คือ ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ไม่หลอกลวง และโอกาสที่จะประสบความสำเร็จเป็นไปได้ และที่สำคัญก็คือผมไม่สามารถหาข้อมูลอะไรที่มาหักล้างหรือต่อต้านธุรกิจนี้ได้ !! หรือพูดง่ายๆ ก็คือ จับผิดจับโกหกไม่ได้นั่นเอง” เพราะตั้งใจว่าถ้าผมจับผิดธุรกิจนี้ได้ผมก็จะไปค้านและบอกเล่าให้คนอื่นฟัง แต่เมื่อจับผิดไม่ได้ ดังนี้ผมจึงสบายใจว่า ผมไม่ได้โดนหลอกเมื่อผมได้พิสูจน์แล้วว่าธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ไม่หลอกลวงและเป็นไปได้ ผมจึงตัดสินใจว่าจะศึกษาธุรกิจนี้ให้ละเอียดยิ่งขึ้น เพราะเห็นว่ามันเป็นโอกาสที่จะทำให้ชีวิตผมดีขี้น ก็เพราะรายได้จากธุรกิจนี้นั่นเอง และวิธีการก็ไม่ได้ยากเย็นเกินกว่าที่ผมจะศึกษาได้(งานประจำที่ผมทำอยู่ยากกว่าเยอะผมจึงทั้งไปร่วมประชุม ร่วมการสัมมนาต่างๆ และฟังเทป อ่านหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจนี้ ยิ่งเรียนรู้ ยิ่งรู้ยิ่งมั่นใจ ยิ่งมั่นใจก็ยิ่งอยากทำ มันแต่ต่างจากที่ผมเคยคิดไว้ก่อนที่ผมจะรู้จักธุรกิจนี้นอกจากเรื่องของธุรกิจเครือข่ายและสินค้า ผมยังพบว่า ผมยังได้อะไรๆ อย่างอื่นอีก โดยที่ผมไม่รู้ตัว เหล่านั้นก็คือ เพื่อน มิตรภาพ และความรู้เรื่องต่างๆ นอกตำราอีกมากมาย ผมขอเล่าให้ฟังเป็นข้อๆ ดังนี้ครับ

-                          
เป้าหมายในชีวิต หรือการมองอนาคตการวางแผนชีวิต ผมว่ามีหลายคนที่เหมือนอย่างผมคือทำงานจนลืมนึกถึงตัวเอง ไม่ได้วางแผนชีวิต ด้วยเหตุที่ว่าอาจจะไม่มีเวลา หรืออะไรก็แล้วแต่  บางครั้งเราก็ไม่กล้าคิดเพราะดูแล้วมันจะเกินตัว อาจเป็นเพราะรายได้และสถานะทางสังคม แต่เมื่อผมเข้าสัมมนากับธุรกิจนี้ ผมได้ฟังแนวคิดใหม่ๆ และได้เห็นตัวอย่างจากคนที่ประสบความสำเร็จ เป็นคนที่มาจากหลายๆ อาชีพ อายุ การศึกษา ธุรกิจนี้สอนให้เป็นคนที่กล้าที่จะคิด กล้าที่จะฝัน เพราะความสำเร็จทุกอย่าง เริ่มที่ความคิดทั้งนั้น จริงครับ เมื่อ คนเปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน มุมมองในการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจก็เปลี่ยนไป การทำงานก็เปลี่ยนไปด้วย แล้วผมยังได้นำมาใช้กับงานประจำของผมด้วย

-                          
การคิดในเชิงบวก การที่จะทำธุรกิจนี้ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น คุณจะต้องเป็นคนที่คิดในเชิงบวก อาจจะไม่ต้องทั้งหมด แต่ให้มากกว่าความคิดในเชิงลบ เพราะการทำธุรกิจนี้ต้องการความคิดและอารมณ์ในเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งจะทำไม่ได้เลยมีความคิดในเชิงลบ

-                          
การแบ่งปัน การเอื้อเฟื้อ และการช่วยเหลือ ธุรกิจนี้มีข้อที่แตกต่างจากธุรกิจอื่นที่เห็นได้ชัดคือ การช่วยเหลือและแบ่งปัน ธุรกิจอื่นๆ ถ้าจะประสบความสำเร็จได้เราต้องต่อสู้และพยายามเอาชนะคู่แข่งของเราในทุกๆ ทางที่จะทำได้ แต่ในธุรกิจนี้เราจะต้องช่วยเหลือผู้อื่นให้ประสบความสำเร็จ เราจึงจะประสบความสำเร็จ ดังนั้นเราจึงเป็น ผู้ให้มากกว่าเป็นผู้รับ

-                          
การวิเคราะห์การตลาดและเศรษฐกิจ ผมได้รับความรู้ในด้านการตลาดประเภทต่างๆ ผมได้รับความรู้ในเรื่องการมองเศรษฐกิจ (ในแบบที่เข้าใจได้ง่ายๆและผมได้เรียนรู้ในด้านการบริหารองค์กรอีกด้วย เท่ากับว่าผมได้เรียนวิชาการบริหารธุรกิจโดยไม่รู้ตัว

-                          
เรื่องอื่นๆ อีกมากมาย : จากประสบการณ์ของคนที่ประสบความสำเร็จและเพื่อนๆ ร่วมธุรกิจจากหลากหลายสาขาอาชีพ เช่น หมอ พยาบาล ผู้จัดการ นักธุรกิจ เจ้าของโรงงาน ทหาร ตำรวจ ฯลฯ ซึ่งถ้าผมไม่ทำธุรกิจนี้ผมคงไม่มีโอกาสที่จะรู้จักคนเหล่านี้ได้เห็นไหมครับ การที่ผมเข้ามาในธุรกิจนี้ ผมได้รับสิ่งต่างๆ มากมาย และก็ไม่ได้เสียอะไรเลย ในใจผมคิดว่าถ้าคนเข้ามาในธุรกิจ ไม่ว่าจะทำหรือไม่ทำก็ดี แค่นี้ก็คุ้มแล้ว !!



แล้วอย่างนี้คุณยังจะปล่อยโอกาสให้ผ่านไปโดยที่จะไม่รับไว้ หรือลองพิจารณาดูก่อนอีกหรือครับ

เหตุแห่งความล้มเหลวในธุรกิจเครือข่าย (2)

Picture


เหตุแห่งความล้มเหลวในธุรกิจเครือข่าย (2)

มาดูกันครับ ธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจผ้าขี้ริ้วห่อทอง

มันเหมือนธุรกิจที่เป็นแบบปิรามิดหรือเปล่า?” “ถ้าไม่ใช่ มันเป็นการตลาดขายตรงหลายชั้นแบบหนึ่งใช่ไหม? “ดูแล้วมันเหมือนอะไรที่ผิดกฏหมายแบบจดหมายลูกโซ่นะ

ถ้าคุณทำธุรกิจเครือข่าย คุณต้องรู้ว่าผมกำลังพูดถึงอะไร คุณกำลังคิดว่าคุณมีโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่จะมอบโอกาสและได้ช่วยผู้คนในเวลาเดียวกัน คุณคิดว่าถ้าคุณบอกกับทุกๆ คนแล้วทุกคนจะตื่นเต้นเหมือนกับคุณเมื่อได้ฟังเรื่องราวของธุรกิจ เมื่อคุณเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจของคุณให้เพื่อนๆ และญาติพื่น้องของคุณฟัง คุณจะพบว่า พวกเขาเคยฟังมาก่อนแล้ว

 ธุรกิจนี้มันไม่เวิร์คหรอก” “จริงๆ แล้วไม่มีใครจะทำเงินได้จากปิรามิดนี้ได้หรอก

ความจริงก็คือ แผนการตลาดขายตรงหลายชั้น (MLM) ไม่ใช่แผนแบบปิรามิด เพราะปิรามิดไม่มีตัวสินค้าจริงๆ ที่จะใช้ในการทำการตลาดหรือทำธุรกิจ นั่นทำให้มันเป็นธุรกิจที่ผิดกฏหมาย แผนการจ่ายผลประโยชน์ของ MLM จะคล้ายกับปิรามิด ต่างกันตรงที่ MLM นั้นเป็นธุรกิจที่ถูกกฏหมายเพราะมีตัวสินค้าจริงที่สามารถทำการตลาดได้ ถึงอย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้หมายความว่าบริษัทเหล่านั้นถูกกฏหมายทั้งหมด

ภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของ MLM ไม่เพียงแค่มาจากปิรามิค แต่ยังมาจากบริษัทที่ตั้งมาเพื่อเลี่ยงกฏหมายด้วย ในอดีตเคยมีบริษัทซึ่งหลอกลวงตัวแทนขายอิสระของพวกเขาให้ตื่นเต้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และออกไปบอกกับเพื่อนและญาติพี่น้อง ทางเทคนิคแล้วไม่ผิดกฏหมาย แต่ผิดในทางธรรมจรรยา

การทำผิดจรรยาบรรณ, บริษัทที่ทำธุรกิจที่ฉ่อฉลพวกนี้ส่วนใหญ่จะตั้งไม่เกิน 5 ปี ผู้คนเชื่อในคำหลอกลวง มันเป็นโชคไม่ดีของธุรกิจ ที่บริษัทพวกนี้ได้ปลูกฝังความเชื่อไว้ในจิตใจของผู้คนที่ตกเป็นเหยื่อว่า “MLMทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกต่างก็หลอกลวง

*คำเตือน* จงระวังให้มากที่สุดเมื่อจะเลือกแผนธุรกิจ MLM

สาเหตุหลักแห่งความล้มเหลว : คือการเลือกบริษัทผิด คุณต้องเลือกอย่างสุขุมรอบคอบ

มันไม่สำคัญว่าคุณจะทำรายได้เท่าไรหรือจะมีเครือข่ายสมาชิกแค่ไหน ถ้าบริษัทเกิดล้มขึ้นมา สิ่งที่คุณได้ทำมาก็จะสูญเปล่า นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมการเลือกบริษัทจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

อย่าตัดสินใจเพียงเพราะว่าเพื่อนของคุณทำอยู่หรือเพียงเพราะว่าพวกเขาคิดว่าดี อย่าตัดสินใจถ้าคุณรู้สึกว่าถูกบังคับ และอย่าตัดสินใจถ้าเข้าร่วมถ้าบริษัทนั้นเปิดบริษัทยังไม่เกิน 5 ปี

กุญแจสำคัญในการตัดสินใจเลือกบริษัทธุรกิจเครือข่าย เมื่อคุณถูกชักชวน ให้คุณถามตัวเองว่า

คุณรู้สึกถูกกดดันโดยคนที่ชวนคุณหรือเปล่า เขาหรือเธอทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นไปกับพวกเขาหรือเปล่า

พวกเขาพูดถึงการทำธุรกิจหรือสินค้า? พวกเขาใช้เวลาในการพูดเกี่ยวกับแต่ละตัวอย่างไร ? ถ้า ธุรกิจ50/สินค้า50 ก็ใช้ได้ครับ แต่ถ้า ธุรกิจ80/สินค้า20 ให้วางสายหรืออย่าสนใจครับ

บริษัทนั้นเปิดมาเกิน 5 ปีหรือไม่?

บริษัทนั้นมีชื่อเสียงหรือน่าเชื่อถือหรือไม่? ผู้คนในอินเตอร์เน็ตพูดถึงบริษัทนั้นว่าอย่างไรบ้าง (คนอื่นๆ นอกจากคนที่ทำอยู่แล้ว)

ผลิตภัณฑ์มีอะไรบ้าง ? แล้วผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีชื่อเสียง คนทั่วไปรู้จักหรือไม่ ?  ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ได้ผ่านการทดสอบหรือยัง ? และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความพิเศษอย่างไร ? ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นได้จดลิขสิทธิหรือไม่ ? (ดีที่สุดถ้ามีครบทุกอย่างที่กล่าวมา)

คนทั่วไปของผลิตภัณฑ์หรือไม่ หรือเพียงแต่ตื่นเต้นไปกับผลิตภัณฑ์เพื่อที่จะทำให้ขายได้ ? (สำคัญมากครับ)

คำถามเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณต้องถามก่อนที่คุณจะเซ็นใบสมัครทำธุรกิจเครือข่ายครับ ผมไม่ได้หมายถึงว่าให้ไปถามคนที่มาชักชวนคุณ คำถามเหล่านั้นคุณต้องถามตัวเองครับ

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งหลักๆ ที่ใช้ในการพิจารณาเลือกธุรกิจ MLM มันไม่ถูกเสมอหรอกที่คุณจะฟังเรื่องราวของธุรกิจนี้จากเพื่อนคุณหรือครอบครัวของคุณ ผมขอให้คุณค้นคว้าแล้วศึกษาด้วยตัวคุณเองก่อนตัดสินใจครับ 


ประเภทของรายได้

Picture
  

รายได้ที่เกิดจากการทำงาน บางคนอาจยังไม่ทราบว่า มีการแยกเป็นประเภทได้ 2 ประเภท คือ


  1. รายได้ทางตรง (Active Incomes)
  2. รายได้ทางอ้อม (Passive Incomes)
 
  1. รายได้ทางตรง (Active Income)
เป็นรายได้ที่เกิดจากการทำงานโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้าง เจ้าของกิจการ หรือข้าราชการ รายได้ประเภทนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ คุณทำงานให้กับองค์กรหรือบริษัทที่จ้างคุณอยู่ จ่ายเป็นเดือนๆ ถ้าคุณไม่ได้ทำงานหรือออกจากงานรายได้นี้ก็จะหยุดทันที หรือถ้าคุณทำค้าขาย รายได้นี้จะได้ก็ต่อเมื่อคุณขายของแล้วมีกำไร ถ้าไม่ขายหรือขายขาดทุน รายได้นี้ก็จะไม่เกิดขึ้น คนทำงานส่วนใหญ่จะชอบรายได้ประเภทนี้ เพราะเป็นรายได้ที่เห็นชัด และได้เร็ว เพราะได้ทันทีที่คุณทำงานหรือขายของ ตัวอย่างงานที่ทำให้เกิดรายได้ประเภทนี้ได้แก่

-                    พนักงานหรือลูกจ้างบริษัท

-                    ข้าราชการ หรือ องค์กรต่างๆ

-                    ค้าขาย หรือผลิตสินค้า

-                    ธุรกิจด้านบริการต่างๆ

-                    ธุรกิจขายตรง (Direct sell)

-                    ธุรกิจอิสระ เช่น หมอ, วิศวกร, อาจารย์พิเศษ ,นายหน้า นักแสดง นักร้อง ฯลฯ

-                    รับจ้างทั่วไป

 

ข้อดี

-                    เห็นที่มาชัดเจน ได้รวดเร็ว

ข้อเสีย    

-                รายได้จะหยุด ถ้าไม่ได้ทำงาน หรือขาดทุน

-                    รายได้จำกัดตามผลงานที่คุณทำ

-                    ไม่มีการส่งต่อไปถึงทายาท

 

 2. รายได้ทางอ้อม (Passive Income)

เป็นรายได้ที่ไม่ได้เกิดจากการทำงานโดยตรง แต่จะเกิดจากการลงทุน สร้างระบบ หรือ ซื้อทรัพย์สิน แล้วให้ระบบหรือทรัพย์สิน ทำงานสร้างรายได้ให้อีกที รายได้ประเภทนี้ แม้ว่าคุณจะหยุดทำงาน รายได้ของคุณก็ยังคงได้ ตราบใดที่ระบบของคุณหรือทรัพย์สินของคุณยังคงทำงานอยู่ ตัวอย่างรายได้ประเภทนี้ได้แก่

 

-                    นักเขียน นักประพันธ์ นักแต่งเพลง ที่ได้ค่าลิขสิทธ์  

-                    นักร้อง ที่ได้ส่วนแบ่งจากการขายงานเพลง

-                    เจ้าของอสังหาริมทรัพย์  ที่มีรายได้จากค่าเช่า เช่นเจ้าของหอพัก บ้านเช่า อพาทเม้นต์

-                    ธุรกิจแฟรนไชน์

-                    ธุรกิจเครือข่าย หรือ ธุรกิจขายตรงแบบหลายชั้น (MLM)

ข้อดี

-                รายได้จะไม่หยุด แม้นว่าคุณจะไม่ทำงาน

-                    รายได้จะตกทอดไปยังทายาท (เพราะระบบยังทำงานอยู่)

-                    รายได้ไม่จำกัด

ข้อเสีย

-                ต้องการการลงทุนและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสร้างระบบ

-                    ใช้เวลา เพราะรายได้จะเข้ามาก็ต่อเมื่อระบบทำงานได้แล้ว

 

รายได้จากธุรกิจเครือข่ายจะเป็นแบบ รายได้ทางอ้อม ข้อได้เปรียบของคุณถ้าคุณทำธุรกิจนี้คือ คุณไม่ต้องลงทุนสร้างระบบใหม่ ใช้ระบบได้ทันที หน้าที่ของคุณก็คือสร้างทรัพย์สิน ซึ่งก็คือเครือข่ายของคุณนั่นเอง แล้วรายได้ก็จะเกิดขึ้นตามวิธีการของระบบธุรกิจ



เหตุแห่งความล้มเหลวในธุรกิจเครือข่าย

Picture
ในการทำธุรกิจใดๆ ก็ตามย่อมมีทั้งที่สำเร็จและล้มเหลว เป็นของคู่กัน ผมเคยสงสัยว่า ทำไมคน 2 คนทำธุรกิจเดียวกัน คนหนึ่งประสบความสำเร็จ แต่อีกคนหนึ่งล้มเหลว แล้วเป็นเพราะอะไรกันละ?  มีอะไรที่คน 2คนนี้ทำต่างกัน? ถ้าพวกเขาทำเหมือนกัน ผลต้องออกมาเหมือนกัน ถ้าประสบความสำเร็จก็ต้องสำเร็จเหมือนกันหรือถ้าล้มเหลวก็ต้องล้มเหลวเหมือนๆ กันใช่ไหมครับ

ผมพบว่าความแตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่ล้มเหลว คือ

ความคิด

หรือวิธีคิด หรือแนวคิด แล้วแต่จะเรียก

ความคิด หรือการมองธุรกิจเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำธุรกิจใดๆ ส่วนวิธีการนั้นจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา

                ธุรกิจเครือข่ายก็เป็นธุรกิจหนึ่งที่ไม่ได้มีข้อยกเว้น มีทั้งคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ล้มเหลว ผมจะขอเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้เจอะเจอมาว่าทำไมบางคนถึงได้ล้มเหลวในธุรกิจนี้

 

ธุรกิจเครือข่าย ทำแล้วรวย รวยเร็วด้วยนะ

เป็นคำเชื้อเชิญที่ดึงดูดความสนใจที่สุด สำหรับคนที่อยากรวย ใช้ไหมครับ ผมได้ยินผมยังสนใจเลย เมื่อผมได้เข้าศึกษาและธุรกิจนี้ ผมจึงได้คำตอบว่า คำเชื้อเชิญข้างบนนั้น

เป็นความจริงครับ!

 แต่

ต้องเติม ประโยคต่อท้าย สักประโยคดังนี้

ธุรกิจเครือข่าย ทำแล้วรวย รวยเร็วด้วยนะ รวยเร็วกว่าทำธุรกิจอื่น

อย่างนี้จึงจะสมบูรณ์ เหตุผลก็เพราะว่า การทำธุรกิจเครือข่าย จะสามารถสร้างผลตอบแทนกลับมาเหมือนกับทำธุรกิจอื่น ในเวลาที่สั้นกว่า ตัวอย่างเช่นถ้าคุณเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานราชการ เงินเดือนค่าจ้างจะขึ้นเป็นขั้นๆ ตามอายุงานหรือตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นไปตามจำนวนปีของการทำงานหรือผลงาน ถ้าเปรียบเทียบผลตอบแทนต่อจำนวนปีแล้ว ธุรกิจเครือข่ายจะใช้เวลาทำงานที่น้อยกว่า (มาก)

 

ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณจบปริญญาตรี แล้วเริ่มทำงานได้เงินเดือนเริ่มต้นที่ 20,000 บาท ถ้าคุณทำงานอย่างขยันขันแข็งไม่ผิดพลาด คุณจะได้เงินเดือนขึ้นเฉลี่ยประมาณ 10% ต่อปี (นี่ผมให้อย่างใจดีนะครับ) จะพบว่าคุณจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 20 ปี เพื่อที่คุณจะได้เงินเดือน หลักแสน! เปรียบเทียบกับธุรกิจเครือข่าย ถ้าคุณทำธุรกิจอย่างถูกต้องและอดทน คุณจะมีรายได้หลักแสน จะใช้เวลา ประมาณ 5 ปีหรืออาจจะน้อยกว่า 

อีกอย่างหนึ่งรายได้ของคุณถ้าคุณเป็นพนักงานหรือรับราชการจะหยุด ถ้าคุณลาออกหรือเกษียณอายุ แต่รายได้จากธุรกิจเครือข่ายจะยังได้ต่อไป แม้ว่าคุณจะทำหรือเลิกทำธุรกิจ และรายได้ยังส่งต่อไปถึงทายาทอีกด้วย

 

ที่ผมยกตัวอย่างมา ก็เพื่อเปรียบเทียบว่าธุรกิจทุกธุรกิจ ก็ต้องใช้เวลาในการทำงานเพื่อที่จะได้ผลตอบแทนกลับมาด้วยกันทั้งนั้น แต่เมื่อผู้คนถูกเชื้อเชิญว่า รวยเร็วนะ คำว่า เร็ว ของหลายๆ คนคงคิดว่าเป็นเป็นเดือนหน้า หรือ 2-3 เดือน หรือ อย่างมากก็ 6 เดือน ดังนั้นพวกเขาจึงพากันสมัครเข้ามาทำธุรกิจด้วยเหตุนี้ และหวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น แต่พอเข้ามาทำจริงแล้ว ไม่เข้ามาศึกษาและทำตามวิธีที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ทำตามวิธีที่ตัวเอง

คิดว่า ใช่ ที่สุดแล้วไม่ได้ผลตอบแทนกลับมาตามที่คิดหวัง ตามเวลาที่คิดไว้ จึงสรุปเอาว่า ตัวเองทำไม่ได้ หรือธุรกิจนั้น หลอกลวง” “เป็นไปไม่ได้  สุดท้ายก็เลิกราไป ออกจากธุรกิจไป แถมด้วยความคิดไม่ดีต่อธุรกิจ ติดตัวไป  อย่างนี้เรียกว่า ล้มเหลว  

ผมไม่ได้หมายความรวมทั้งหมดนะครับ  เพราะพวกเขาอาจจะประสบความสำเร็จมากมายหรือสูงสุดในธุรกิจอื่นๆ หรือในสายวิชาชีพอื่นๆ ของเขาก็ได้ ผมเพียงยกตัวอย่างจากคนที่ออกจากธุรกิจเพราะเหตุผลนี้เท่านั้น

 

รวยได้ ยิ่งทำยิ่งรวย ไม่ต้องลงทุนมากๆ ด้วย

เป็นความจริงครับ

แต่

ต้องเติมประโยคต่อท้ายว่า

รวยได้ ยิ่งทำยิ่งรวย ไม่ต้องลงทุนมากๆ ด้วย แต่ต้องลงทุนให้ถูกวิธีนะ

 

การทำธุรกิจเครือข่าย คือการขยายเครือข่ายผู้บริโภค การเชื้อเชิญ ผู้คนมาเข้าเครือข่ายแล้วซื้อสินค้าในเครือข่ายใช้คือการสร้างธุรกิจของคุณ คุณไม่ได้มีหน้าที่เปิดร้านขายสินค้า ดังนั้นคุณไม่ต้องลงทุนในการซื้อสินค้าเข้าร้านเพื่อรอลูกค้ามาซื้อ หน้าที่คุณคือการแนะนำร้านค้าและสินค้าให้กับเครือข่ายของคุณ ส่วนการซื้อสินค้าเป็นหน้าที่ของสมาชิกแต่ละคน คุณไม่ต้องรักษายอดเพื่อที่จะได้รับตำแหน่งต่างๆ ที่บริษัทกำหนด ถ้าคุณทำเช่นนี้ คุณจะต้องทำการซื้อสินค้าเองเพื่อรักษายอดและเพื่อที่จะได้ตำแหน่ง ผลก็คือคุณจะต้องลงทุนเพื่อซื้อสินค้ามาซะเอง แล้วไม่ได้ระบายสินค้า ทำอย่างนี้ เรียกว่า ยิ่งทำยิ่งจน

                เพราะว่าคุณทำผิดวิธี ถ้าคุณทำถูกวิธี คุณจะพบว่าคุณไม่จำเป็นต้องซื้อสินค้าเองเพื่อรักษายอดเลย ยอดจะเข้ามาตามธรรมชาติ คุณก็จะไม่ต้องลงทุนมากมายอะไรเลย

                เพราะว่า ยิ่งทำยิ่งจน จึงสรุปเอาว่า ตัวเองทำไม่ได้ หรือธุรกิจนั้น หลอกลวง” “เป็นไปไม่ได้  สุดท้ายก็เลิกราไป ออกจากธุรกิจไป แถมด้วยความคิดไม่ดีต่อธุรกิจติดตัวไป อย่างนี้เรียกว่า ล้มเหลว  

 

นี่เป็นเพียงบางตัวอย่างที่ผมหยิบยกมาเป็นกรณีศึกษา ยังมีอีกหลายๆ สาเหตุที่ทำให้ผู้คนที่เข้ามาในธุรกิจนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ แล้วเลิกราไป ผมไม่ได้บอกว่าธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ดีที่สุดและเหมาะกับทุกคนๆ ผมบอกเพียงว่า ถ้าจะทำ ทุกๆ คนสามารถทำได้ แต่ต้องศึกษาให้เข้าใจอย่างแท้จริง และทำอย่างจริงจัง อดทน เหมือนที่ทำกับธุรกิจอื่นๆ ถ้าคุณมองธุรกิจเครือข่ายเหมือนธุรกิจอื่นๆ ธุรกิจเครือข่ายก็จะให้ผลตอบแทนกับคุณเหมือนธุรกิจอื่นๆ เช่นกัน

 

ความสำเร็จรอคอยคุณเสมอ แล้วคุณละรอคอยความสำเร็จได้หรือเปล่า


ยุคทองของธุรกิจเครือข่าย

Picture

ตอนนี้ เวลาไปไหน ถ้าเจอเพื่อนฝูง หรือคนรู้จัก ก็มักจะถูกถามหรือถูกเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องงานหรือธุรกิจที่ทำอยู่ ส่วนใหญ่จะบอกว่า ไม่ค่อยดีเลย เนื่องจากสภาวะของเศรฐกิจ พอเล่าของเขาเสร็จ เขาก็เลยถามเรื่องธุรกิจของผมบ้าง  แล้วของคุณละ เป็นไงบ้าง ?” ผมก็ตอบว่า ดี ดีมาก เป็นยุคทองเลยละ!” ได้ผลครับเลยต้องคุยกันนานเลย เพราะเขาสงสัยว่าทำไม่ธุรกิจของผมจึงได้สวนทางกับเศรษฐกิจ เขาถามผมว่า ผมทำธุรกิจอะไร ? ผมบอกว่า

ผมทำธุรกิจเครือข่าย

บางคนก็ยังงงเหมือนเดิม

ทำธุรกิจซื้อตรง

งงยิ่งกว่าเก่า

คล้ายๆ กับขายตรงต่างกันตรงวิธีการ

เข้าใจเพิ่มขึ้นมาบ้าง

ขายตรงนะ พอจะเข้าใจ เคยได้ยินมาบ้าง แล้วธุรกิจเครือข่ายนี้เป็นอย่างไรละ

 

ผมเลยอธิบายให้ฟังว่า ตอนนี้ผมมีสินค้าอยู่ในมือมากกว่า 2,000 รายการ เป็นสินค้าอุปโภค บริโภค ที่ใช้ในชีวิตประจำวันเช่น ยาสีฟัน ผงซักฟอก สบู่ และอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่คนใช้แล้วหมดไป ผมทำธุรกิจโดยชวนคนมาซื้อของที่ร้านของผม ได้กำไรแล้วแบ่งกัน แต่ถ้าคนที่เป็นสมาชิกสามารถซื้อได้ในราคาพิเศษ ราคาทุน ส่วนใหญ่ก็ซื้อใช้เองเพราะยังไงก็ต้องใช้สินค้าพวกนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ซื้อของของเราเองเท่านั้น

 

แล้วไม่ต้องไปขายให้คนอื่นเหรอ ?”

 

ผมบอกว่า ถ้าอยากขายก็ขาย ไม่อยากขายก็ไม่ต้องขาย ก็ชวนพวกเขามาซื้อของที่ร้านของคุณซิ ก็เหมือนคุณเปิดร้านสะดวกซื้อนั่นละ ผมถึงบอกกับคุณว่าผมทำธุรกิจ ซื้อตรง  

 

แล้วทำไมถึงบอกว่าเป็นยุคทองละ

 

ก็เพราะว่า ตอนนี้สิ่งอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ มากมาย เช่นการสื่อสาร มีร้านสะดวกที่เปิดให้มาซื้อเองได้ ทั่วประเทศ มีระบบข้อมุลข่าวสาร สามารถตรวจสอบได้เอง และอีกอย่างคนทั่วไปก็รู้จักธุรกิจและสินค้าเพราะเป็นธุรกิจที่ตั้งมานานแล้ว ไม่มีความเสี่ยง ไม่ต้องลงทุนผลิตสินค้า หาทำเล เปิดร้าน แล้วอย่างนี้จะไม่เรียกว่ายุคทองได้อย่างไร

ผมชักสนใจแล้วละ ถ้าผมจะทำบ้างจะสายไปหรือเปล่า

 

ไม่สายหรอก เพราะยังมีคนที่ไม่รู้เรื่องราวของธุรกิจนี้ หรือคนที่หาโอกาสอีกมาก

 

แล้วถ้าผมจะทำผมต้องทำอะไรบ้าง

 

 

ไม่ยากหรอกครับ คุณก็ทำอย่างที่ผมกำลังทำอยู่นี่ไง

ยากไหมละ ?”

คิดอย่างคนรวย ทำอย่างคนรวย

Picture

อย่าเข้าใจผิดนะครับ ผมมาบอกให้คุณใช้ชีวิตอย่างคนรวย ใช้จ่ายอย่างคนรวย คิดอย่างคนรวยในความหมายของผม คือ จงทำงานอย่างที่ผู้ประสบความสำเร็จทำ เท่าที่ผมอ่านประวัติของผู้ที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ผมไม่เคยเห็นใครที่ประสบความสำเร็จโดยความบังเอิญ หรือโดยที่ไม่ได้ทำอะไร ผุ้ที่ประสบความสำเร็จแต่ละคนต้องอดทน มุ่งมั่นและที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ล้มเลิกผู้ที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งบอกว่า

ความสำเร็จกับความล้มเหลว  อยู่ใกล้กันมาก

ถ้าคุณอดทนรอความสำเร็จที่จะเกิดจากสิ่งที่คุณทำมาไม่ได้ คุณจะกลายเป็นคนล้มเหลวในทันทีที่คุณล้มเลิก

 ในกรณีของธุรกิจเครือข่าย มีคนที่รวยอยู่แล้ว หรือคนทำธุรกิจอื่นๆ ต่างก็เข้ามาในธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จมากมาย ผมไม่ต้องบอกนะครับว่าพวกเขาทำอย่างไร ผมจะชี้ให้เห็นว่าเขาคิดอย่างไร คนรวยนั้นถ้าจะทำธุรกิจสักอย่าง ถ้าดูแล้วว่าไม่สามารถทำกำไรหรือไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ เขาก็จะไม่สนใจ คุณว่าจริงไหมครับ แล้วผมก็ยังไม่เคยเห็น คนรวยคนไหนที่เข้ามาทำ  แล้วออกมาบอกว่าธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่หลอกลวงหรือเป็นไปไม่ได้ ที่เห็นก็มีแต่คนที่ล้มเหลวหรือยังไม่ประสบความสำเร็จในอะไรเลยเท่านั้นที่พูด

ผมจึงบอกว่าให้คิดอย่างที่คนรวยคิด ทำอย่างที่คนรวยทำ ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จ ให้ทำตามอย่างคนที่ประสบความสำเร็จ ถามคนที่ประสบความสำเร็จ เรียนรู้วิธีการจากคนที่ประสบความสำเร็จ เท่านั้น ถ้าคุณทำตามคนที่ล้มเหลว ถามคนที่ล้มเหลว คุณก็จะล้มเหลวเช่นกัน

จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ หรือ จะเป็นคนที่ล้มเหลว คุณเท่านั้นเป็นคนเลือก


5 เคล็ดลับความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย

Picture


5 เคล็ดลับความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย

ต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของเคล็ดลับของธุรกิจเครือข่าย ซึ่งจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายครับ

·         เคล็ดลับที่ 1

คุณต้องตัดสินใจว่าคุณจะทำธุรกิจเครือข่ายให้สำเร็จให้ได้

นี่เป็นข้อที่สำคัญที่สุดครับ คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาทำธุรกิจเครือข่ายมักจะมองว่าธุรกิจนี้ว่าเป็นงานอดิเรกหรือทำเล่นๆ ไม่จริงจังกับมันเท่าที่ควร นั่นเป็นสาเหตุที่คนหลายๆ คนไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย

ถ้าคุณลืมเคล็ดลับข้อต่อๆ ไปหลังจากนี้ ผมขอให้คุณจำประโยคต่อไปนี้ไว้

ถ้าคุณปฏิบัติต่อธุรกิจเครือข่ายของคุณเหมือนดังเช่นธุรกิจ

มันก็จะให้ผลตอบแทนกับคุณเหมือนดังเช่นธุรกิจเช่นกัน

  • เคล็ดลับที่ 2
คุณต้องกำหนดเวลาสำหรับการทำธุรกิจให้แน่นอน และเคร่งครัดต่อเวลานั้นด้วย

เพื่อจะทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ คุณต้องเสียสละเวลาอย่างน้อย สัปดาห์ละ 12 ถึง 15 ชั่วโมง มุ่งมั่นกับการทำงาน

กำหนดเวลาทำงานและทำงานอย่างเคร่งครัด

คุณต้องรู้ว่าคุณกำลังจะทำอะไร และเมื่อไหร่ ตามตารางเวลาที่คุณวางไว้ ก่อนที่จะลงมือทำงานที่วางแผนไว้ ถ้าคุณทำได้ธุรกิจของคุณก็จะราบรื่นและก้าวหน้า

  • เคล็ดลับที่ 3
อย่าหยุดเรียนรู้ธุรกิจ และเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ

ผมรู้ว่าเวลาของคุณนั้นมีค่า และอาจจะไม่มีเวลาเหลือเฟือก็ตาม ผมแนะนำให้คุณหาเทปที่เกี่ยวกับ ธุรกิจเครือข่ายมาฟัง คุณก็สามารถเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันกับการทำงานอื่นๆ ได้ พยายามเรียนรู้ให้มากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ มันจะทำให้คุณได้แนวคิด หรือวิธีใหม่ๆ ไว้ใช้ได้

  • เคล็ดลับที่ 4
จัดสรรค์งบประมาณแล้วใช้ให้พอ

ธุรกิจคุณจะเติบโตไปไม่ได้หรอก ถ้าคุณยังมัวเสียดายเงินสำหรับพัฒนาธุรกิจและค่าเรียนรู้ตั้งงบประมาณในการทำธุรกิจต่อเดือนไว้ เมื่อธุรกิจคุณเติบโต

คุณจะได้ผลตอบแทนคุ้มค่าการลงทุนแน่นอน

  • เคล็ดลับที่ 5
มีทัศนคติทางบวกเสมอ

อย่าท้อแท้ ถ้าธุรกิจไม่เป็นไปอย่างที่คุณคิดในตอนเริ่มต้น

พยายามต่อไป

ผมบอกคุณได้เลยว่าแรกๆ เครือข่ายของคุณจะไม่ได้ดังใจ ที่คุณคาดหวัง คุณต้องรักษาทัศนคติทางบวกของคุณไว้ให้ได้ เรียนรู้จากประสบการณ์ของคุณเพื่อนำไปใช้ในวันข้างหน้า

อย่าได้ทอดทิ้งพวกเขา

ทำธุรกิจเครือข่ายตอนนี้ สายไปหรือเปล่า ?

Picture
 

จะเริ่มทำธุรกิจเครือข่ายตอนนี้ สายไปหรือเปล่า ?

มีเพื่อนหลายๆ คนถามผมว่า

“ ถ้าเขาจะเริ่มทำธุรกิจเครือข่ายตอนนี้ จะสายไปหรือเปล่า ? ”

ผมก็เลยตอบไปว่า

“ ไม่สายหรอก แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดี ที่จะเริ่มต้นเลย… “

ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะครับ แต่ผมมีเหตุผล ถ้าเป็นธุรกิจอื่นๆ ทั่วไป ถ้าถามคำถามเดียวกันนี้ ผมคงตอบไปว่า อาจจะสายไปก็ได้ เพราะในธุรกิจอื่นๆ นั้นมีตัวแปรมากมายที่ต้องนำมาพิจารณา ตัวอย่างเช่น คู่แข่ง,การลงทุนค่าของอัตราแลกเปลี่ยนการโฆษณาประชาสัมพันธ์กฏหมาย ฯลฯ

“ คนทำเยอะแล้ว 

                เป็นคำถามยอดฮิตที่ผมได้ยิน เพราะคนทั่วไปคิดว่าธุรกิจเครือข่ายมีมานานแล้ว คงมีคนสมัครเข้าทำจนหมดแล้ว ครับถูกต้องมีคนสมัครเข้ามาในธุรกิจจำนวนมาก แต่ไม่มีวันเต็มหรอกครับ เพราะคนที่มีคุณสมบัติที่จะสมัครเข้ามาเป็นนักธุรกิจได้เกิดขึ้นทุกๆ นาที ไม่เหมือนกับธุรกิจอื่น เพราะธุรกิจอื่นต้องการคุณสมบัติหรือความเชี่ยวชาญเฉพาะซึ่งมีคนจำนวนจำกัดที่สามารถทำได้ เป็นอย่างนี้คุณคิดว่าคนกลุ่มไหนมีมากกว่ากัน

                อีกอย่างคือ เนื่องจากธุรกิจเครือข่ายมีมานานแล้ว อาจกล่าวได้ว่า ไม่มีใครที่ไม่รู้จักธุรกิจนี้ เป็นข้อดีสำหรับคุณคุณเพียงให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพิ่มเติมเท่านั้น ไม่ต้องเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้น การที่มีคนเข้ามาสมัครมากๆ เท่ากับเป็นการรับประกันว่า เป็นธุรกิจที่ดีและคนคงไม่อยากทำธุรกิจที่ไม่มีใครทำ ใช่ไหมครับ

มาที่หลัง จะเสียเปรียบหรือเปล่า

มาก่อน มาหลัง ไม่มีการได้เปรียบ เสียเปรียบหรอกครับ ถ้าบริษัทนั้นเป็นธุรกิจเครือข่ายแท้ๆ เพราะทุกๆ คน ต่างมีเครือข่ายของตนเอง มีกลุ่มลูกค้าของตนเอง การสมัครซ้ำจะทำไม่ได้ ผลตอบแทนอื่นๆ จะขึ้นอยู่กับผลงานของแต่ละคนครับ และถ้า มาหลัง จะเสียเปรียบคนที่มาก่อน ผมว่าคงไม่มีคนมาสมัครทำธุรกิจนี้หรอกครับ เพราะทุกๆคน ย่อมจะไม่อยากที่จะเสียเปรียบใคร

ไม่รู้จะไปขายให้ใคร

                ก็ซื้อใช้เองซิครับ ไม่ยากเลย ก็ผมเคยบอกแล้วว่า ผมเรียกธุรกิจนี้ว่าเป็น ซื้อตรง” ไม่ใช่ขายตรง” คุณก็เพียงเปลี่ยนสินค้าที่คุณเคยซื้อจากที่อื่น มาเป็นสินค้าที่มีขายในธุรกิจของคุณเอง แล้วก็ขยายเครือข่ายชวนคนมาทำธุรกิจร่วมกับคุณ แล้วก็ทำอย่างที่คุณทำ คือ ซื้อตรง” เห็นไหมครับ ว่าขายให้ใครดี

การทำงาน

                คงไม่มีใครโต้แย้งว่า ในปัจจุบันมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับเรามากมาย เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ อีเมล์ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ ซึ่งเอื้ออำนวยในการทำธุรกิจ ให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ดังนั้นผมจึงบอกว่าช่วงนี้ เป็นช่วงที่ดีที่สุดในการทำธุรกิจเครือข่าย

ทุกช่วงเวลา เป็นช่วงเวลาทองของคุณ หากคุณตัดสินใจ ลงมือทำ


1-2-MLM

Picture


1-2-MLM

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจธุรกิจเครือข่ายหรือ MLM เรามาสำรวจตัวเองกันซักหน่อยว่า คุณพร้อมหรือยังที่จะทำธุรกิจนี้



1-
      รู้จักธุรกิจเครือข่ายหรือ MLM  คุณต้องรู้ว่า

ธุรกิจเครือข่ายหรือ MLM คืออะไร?  คุณสามารถหาข้อมูลได้จาก

·         คนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ เพราะเขาเป็นคนที่รู้จริงและได้ลองทำธุรกิจนี้มาแล้ว

·         ที่จัดประชุมธุรกิจ เพราะเป็นที่ที่นักธุรกิจเข้ามาเรียนรู้วิธีการทำธุรกิจ คุณสามารถถามเรื่องสถานที่จัดประชุมได้จาก คนที่ประสบความสำเร็จได้ครับ

·         หนังสือที่เกียวกับธุรกิจนี้ ที่ผมเน้นให้อ่านหนังสือเพราะว่าหนังสือจะบอกเรื่องที่เป็นข้อเท็จจริงของธุรกิจเครือข่ายว่า คืออะไร มีข้อดี หรือ ข้อเสียอย่างไร อ่านหลายๆ เล่มยิ่งดีครับจะได้หลายๆ แง่มุม ของนักเขียนหลายๆ คนเพื่อเปรียบเทียบ

·         ข่าวจากสิ่งพิมพ์ต่างๆ เพื่อจะได้รู้ความเคลื่อนไหวของธุรกิจ

2-      รู้จักบริษัทที่คุณจะเข้าร่วมธุรกิจและเรียนรู้วิธีการทำธุรกิจ  คุณต้องรู้ว่า

·         บริษัทที่คุณจะเลือกมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ดำเนินกิจการอย่างไร

·         ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมีอะไรบ้าง และมีคุณภาพอย่างไร เพราะถ้าคุณสมัครเข้าเป็นนักธุรกิจก็เท่ากับว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทของคุณเอง

·         การเข้าร่วมประชุมธุรกิจ เป็นอย่างไร คนควรหาโอกาสเข้าร่วมประชุมด้วยตนเองจะทำให้คุณรู้ว่าการประชุมธุรกิจคืออะไร

MLM     เอาละ ตอนนี้ถ้าคุณทำทั้งสองข้อข้างต้นแล้ว ผมคิดว่าตอนนี้คุณคงตัดสินใจได้แล้วว่าธุรกิจนี้น่าสนใจหรือไม่

 

ถ้าอยากรู้ว่า อาหารที่อยู่ตรงหน้านั้นอร่อยหรือไม่

อย่ามัวมาวิเคราะห์ว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง

แค่ตักชิมดู ก็จะรู้


ธุรกิจเครือข่ายกับ มรดก


ทำธุรกิจเครือข่ายแล้วมีมรดกด้วยเหรอ เป็นคำถามที่ผมเคยถามคนที่ทำธุรกิจเครือข่ายที่มาชวนผม ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยจะเชื่อนะ เพราะคำว่ามรดกที่ผมนิยามไว้คือ เงินเก็บหรือทรัพย์สินอื่นๆ ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรษ แล้วธุรกิจเครือข่ายเป็นมรดกได้อย่างไรละ ตามผมมาครับ ผมจะอธิบายให้ฟัง


เมื่อคุณทำธุรกิจเครือข่ายและคุณได้ขยายเครือข่ายโดยการชักชวนคนเข้ามาร่วมเครือข่ายของคุณและได้ช่วยเหลือเขาให้ได้ขยายเครือข่ายของเขาต่อๆ ไปอีก รายได้ที่คุณได้ก็คือ

  1. ยอดส่วนลดหรือเปอเซนต์ของยอดขายสินค้าในเครือข่ายที่บริษัทจะจ่ายให้ตามผลงานของคุณ และเมื่อคุณได้ช่วยเหลือให้เครือข่ายของคุณได้มีรายได้ คุณก็จะได้ผลตอบแทนจากบริษัทเป็น
  2. ค่าตอบแทนตามที่บริษัทจ่ายให้ตามผลงานของแต่ละกลุ่มเครือข่ายที่คุณได้สร้างไว้
และเครือข่ายนี้จะเป็นของคุณตลอดไป และเมื่อคุณจากไป บริษัทจะทำการโอนธุรกิจและเครือข่ายทั้งหมดของคุณให้กับทายาทของคุณทันที รายได้ทั้งหมดที่มาจากเครือข่ายที่คุณได้ ก็จะตกทอดกับทายาทของคุณ อย่างนี้เรียกได้ว่าเป็น มรดก ได้ไหมครับ เพราะผมเชื่อว่าเครือข่ายที่คุณได้สร้างไว้และช่วยให้เขาได้มีรายได้เขาคงไม่เลิกทำธุรกิจใช่ไหมครับ มีแต่จะยิ่งทำให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป เพราะเขาก็ต้องการรายได้ มรดก เหมือนกันกับที่คุณได้

ข้อดีของ มรดก เครือข่ายก็คือ

-          รายได้ มรดก นี้จะไม่มีวันสิ้นสุด และไม่มีวันหมด เพราะตราบใดที่เครือข่ายของคุณยังอยู่ รายได้ส่วนนี้คุณก็จะได้ตลอดไป

-          มรดกที่เป็นเงินเก็บสะสมนั้น ค่าของเงินจะแปรผันตามเวลาที่ผ่านไป ส่วนใหญ่จะลดลงตามเศรษฐกิจหรือเงินเฟ้อ แต่รายได้ มรดก ที่ได้จากธุรกิจเครือข่ายจะเป็นค่าเงินที่มีค่าในปัจจุบัน

-          รายได้ มรดก นับวันมีแต่จะมากขึ้นตามค่าของเงินที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะส่วนลดหรือเปอเซนต์ จะคำนวณจากยอดขายจากค่าเงินในปัจจุบัน

ทำธุรกิจเครือข่ายก็สามารถสร้าง มรดก ให้กับคนที่คุณรักได้

ทำไมคนจึงไม่ชอบธุรกิจเครือข่าย

Picture
ทำไมคนถึงไม่ชอบธุรกิจเครือข่าย  

 

 ธุรกิจดีๆ 

ใช้เงินลงทุนน้อย สามารถทำให้มีรายได้ไม่จำกัด

ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร

ฯลฯ

 แล้วถ้าดีอย่างนี้แล้ว ทำไมคนถึงไม่ชอบทำธุรกิจนี้ละ ? “

คำตอบก็คือ

 ก็เพราะคนทำธุรกิจเครือข่ายเองนั่นละ ที่ทำให้คนไม่ชอบธุรกิจนี้ 

ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่เปิดโอกาสให้คนทุกๆ คน สามารถสมัครเข้ามาเป็นนักธุรกิจอิสระได้ การสมัครเข้ามาก็ไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติอะไรพิเศษ คนที่สมัครเข้ามามีฐานะเป็น นักธุรกิจอิสระ ก็ไม่ได้มีฐานะเป็นลูกจ้างของบริษัท ดังนั้นบริษัทจึงไม่มีอำนาจในการบังคับหรือสั่งให้นักธุรกิจอิสระเหล่านั้นทำอย่างโน้นหรือทำอย่างนี้ได้ บริษัทเพียงแต่ตั้งกฏระเบียบและข้อห้ามที่เป็นเงื่อนไขและให้ผู้สมัครยอมรับก่อนที่จะสมัครเข้ามาเป็นนักธุรกิจอิสระเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ วิธีการทำงานของแต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันไป บ้างก็เน้นในเรื่องการขาย บ้างก็เน้นในเรื่องการขยายเครือข่าย บ้างก็เน้นทั้งสองเรื่อง แต่คนเราทุกคนย่อมมีความสามารถและความถนัดที่แตกต่างกันไป คนที่ไม่เคยทำงานในด้านการขยาย หรือ ไม่เคยทำงานในด้านการทำธุรกิจส่วนตัว ย่อมไม่มีความรู้ในด้านนี้ ดังนั้นวิธีการที่พวกเขาคิดว่าเป็นการทำธุรกิจเครือข่าย อาจจะเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องก็ได้ คู่มือของบริษัทก็เขียนบอกไว้เพียงกว้างๆ เท่านั้น การที่คุณออกไปทำธุรกิจโดยไม่มีความรู้ความเข้าใจในวิธีการที่ถูกต้อง อาจจะเป็นผลเสียกับตัวคุณและธุรกิจของคุณก็ได้ เช่นไปบังคับขายสินค้า บังคับให้สมัครสมาชิก บังคับให้ไปร่วมประชุมธุรกิจ หรือไปดูถูกดูแคลนธุรกิจอื่นๆ เป็นต้น

ผลของการทำธุรกิจด้วยวิธีที่ผิด ก็คือ ลูกค้าหรือผู้คนที่เราชวนมาร่วมเครือข่ายจะเข้าใจว่าถ้าเข้าใจว่าวิธีที่คุณปฏิบัติต่อเขานั้นเป็นวิธีการทำธุรกิจนี้ ถ้าเขาสมัครเข้าร่วมทำธุรกิจกับคุณเขาคงต้องทำอย่างที่คุณทำ ซึ่งเข้าทำไม่ได้และไม่ชอบ ทำให้เขาจะมีทัศนคติและความรู้สึกในแง่ลบต่อธุรกิจนี้  ถ้าเป็นอย่างนี้เขาก็อาจจะบอกเล่าต่อๆ ไปว่า ธุรกิจเครือข่ายเป็นอย่างนี้ เป็นอย่างที่เขาเคยเจอมา นักธุรกิจที่ทำธุรกิจแบบนี้ไม่เคยมีใครที่ประสบความสำเร็จ !!

ดังนั้นก่อนที่คุณจะเสียโอกาส ในการที่จะรู้จักกับธุรกิจนี้ คุณควรจะได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องจากนักธุรกิจเครือข่ายที่ประสบความสำเร็จ แล้วการตัดสินใจทำหรือไม่นั้น

 อยู่ที่คุณคนเดียว 


รู้เรา...รู้เขา...รบชนะ

Picture
การดำเนินชีวิตประจำวันของคนเราทุกคนย่อมมีเป้าหมายและคาดหวังถึงความสำเร็จในด้านต่างๆ ซึ่งแต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน บางคนต้องการเงินทอง ต้องการทรัพย์สิน ต้องการเกียรติยศ ต้อง การศักดิ์ศรี การยอมรับจากสังคม และสิ่งที่สำคัญ คือ ต้องการ การตอบ สนองด้านอารมณ์หรือความพึงพอใจส่วนบุคคล ซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด ในการดำเนินธุรกิจขายตรงก็เช่นกันไม่ว่าจะทำเป็นอาชีพหลักหรือเพื่อหารายได้เสริม ทุกคนก็จะทำเพื่อเป้าหมายและความต้องการของตัวเอง โดยจะพยายามค้นหาเส้นทางหรือวิถีทางเพื่อไปสู่จุดหมายปลายทางที่ตนได้กำหนดไว้ในการประกอบอาชีพขายตรง
อาชีพขายตรงเป็นอาชีพที่มีความอิสระทางด้านเวลา ซึ่งเน้นเรื่องการพบปะกับผู้คนเพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีของการดำเนินกิจกรรมการขายตรง โดยต้องอาศัยทักษะทางด้านศาสตร์ (ความรู้เชิงวิชาการที่ถูกต้อง) และทักษะทางด้านศิลป์ (การเรียนรู้จากประสบการณ์) การดำเนินธุรกิจขายตรงนั้นไม่มีสูตรสำเร็จ ตายตัว แต่ทุกคนที่ต้องการประสบความสำเร็จในอาชีพนี้จะต้องมีแนวทางของตนเองที่ชัดเจน ถูกต้อง และที่สำคัญจะต้องมีจริยธรรมและจรรยาบรรณของการขายตรงด้วย โดยแนวทางในการประกอบอาชีพขายตรงนั้นจะต้องอยู่ภายใต้หลักที่ว่า “รู้เรา รู้เขา รบชนะ” 

>> รู้เรา

ในการประกอบอาชีพขายตรง สิ่งที่สำคัญ ซึ่งต้องดำเนินการอันดับแรก คือ เราต้องรู้จักตัวเอง ว่าชอบอะไร มีบุคลิกและนิสัยเป็นอย่างไร มีความถนัดด้านไหน และมีขีดความสามารถแค่ไหน ซึ่งถ้าหากเราไม่สามารถทำความรู้จักและเข้าใจในความต้องการของตนเองได้ ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จหรือมีความสุขในการทำงาน โดยเฉพาะงานที่เกี่ยว ข้องกับการขายตรง ซึ่งต้องพบปะกับผู้ คนที่มีความหลากหลายความรู้สึก หลากหลายความต้องการ ถ้าหากเรายังไม่รู้จักตัวเองดีพอแล้วใครจะมารู้จักเรา ได้ดีเท่าตัวเราเอง เมื่อเรารู้จักตัวเองอย่างเพียงพอ (ชอบและคิดว่าต้องการทำอาชีพขายตรง มีทัศนคติด้านบวกต่อการขายตรง) 


ต่อไปเราต้องทำความรู้จักกับบริษัทที่เราอยากเป็นหนึ่งในทีมงานของพวกเขา เราต้องทราบข้อมูลเบื้องต้นของบริษัทว่าใครเป็นเจ้าของ ตั้งอยู่ที่ไหน ตั้งขึ้นเมื่อใด ทีมบริหารมีใครบ้าง มีวิสัยทัศน์ พันธกิจอย่างไร มีนโยบายอย่างไร เด่นชัดหรือเปล่า มีความมั่นคงทางการเงินแค่ไหน มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพอะไรบ้าง มีสินค้าและบริการอะไรบ้าง ฯลฯ เมื่อเราคิดว่าบริษัทนี้ใช่แล้ว มีความเหมาะสมกับความต้องการของเรา ขั้นต่อไปเราก็ต้องศึกษาแบบรู้จริงในเรื่องของสินค้าและบริการ ว่ามีกี่ประเภท กี่ขนาด แต่ละประเภทมีคุณสมบัติอย่างไร บรรจุภัณฑ์เป็นอย่างไร ราคาเท่าใด มีส่วนประสมอะไรบ้าง ตลอดจนวิธีใช้ การดูแล การเก็บรักษา ฯลฯ 
และเมื่อรู้จักผลิตภัณฑ์แล้วก็ต้องรู้จักแผนการตลาด ทำความเข้าใจให้ชัดเจน ถูกต้อง ว่ามีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร โอกาสในความก้าวหน้า ความโปร่งใสเป็นธรรม รายได้หรือผลตอบแทนเป็นอย่างไร เงื่อนไขต่างๆ ตลอดจนวิธีที่จะนำเสนอเพื่อจูงใจแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายและทีมงาน โดยสิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญซึ่งนำเราไปสู่ความสำเร็จในธุรกิจขายตรงต่อไป “แต่เท่านั้นยังไม่พอ รู้เราหรือรู้จักภายในอย่างเดียวยังไม่พอ เราต้องรู้จักภาย นอก หรือรู้เขาด้วย” 

>> รู้เขา

การทำความรู้จักกับภายนอกหรือรู้เขาในที่นี้หมายถึง เราต้องรู้ว่าใครคือลูกค้า หรือเราจะขายหรือนำเสนอให้ใคร หาทีมงานคุณภาพได้จากไหน แล้วสินค้าและแผนการตลาดของเราเหมาะสมกับเขาหรือเปล่า เราจะนำเสนอให้พวกเขาเหล่านั้นเข้าใจได้อย่างไร ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ผู้ที่ทำอาชีพขายตรงต้องทำความเข้าใจและเรียนรู้เป็นอย่างมาก เพราะลูกค้าแต่ละคนมีความต้องการและทัศน คติที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะรู้ใจและเข้าใจในความรู้สึกของแต่ละคน 

ดังนั้นเราต้องศึกษาถึงข้อมูลพื้นฐานของแต่ละคนโดยใช้ประสบการณ์ ในการเรียนรู้และทำความเข้าใจกับความต้อง การและทัศนคติของลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายว่า เขามีความจำเป็นและต้องการพื้นฐานอะไรบ้าง มีกำลังซื้อมากน้อยแค่ไหน มีพฤติกรรมการซื้ออย่างไร แล้วใครบ้างที่มีผลต่อการตัดสินใจของพวกเขา 
ยิ่งเรารู้จักลูกค้าเป้าหมายมาก ก็ยิ่งทำให้เรามีโอกาสประสบความสำเร็จ (รบชนะ) มากขึ้น นอกจากเราต้องทำความรู้จักกับลูกค้าแล้ว เรายังต้องเหลียวมองคู่แข่งขันทางธุรกิจด้วย หรืออาจเป็นการชำเลือง ดูก็ได้ ที่ต้องทำเช่นนั้นก็เพราะว่า การทำธุรกิจขายตรงต้องอาศัยแหล่งข้อมูลหลายๆ ด้าน เพราะบางครั้งการศึกษาและเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่นก็อาจทำให้เราสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น 
แล้วนำผลจากการเรียนรู้มาพัฒนาเป็นแนวทางในการดำเนินงานของเรา แต่ในการทำอาชีพขายตรงถ้าเราเป็นผู้จำหน่าย อิสระไม่ควรอย่างยิ่งที่จะให้ความสำคัญกับคู่แข่งขันทางธุรกิจ เพราะคู่แข่งขันที่สำคัญของเรา คือ เป้าหมายแห่งความสำเร็จที่รอเราอยู่ และเราต้องแข่งกับตัวเราเองมากกว่า 

>> รบชนะ

เมื่อผู้ประกอบอาชีพขายตรงรู้จักตัวเอง บริษัท และสินค้า (รู้เรา) ผนวกกับรู้จักลูกค้า และคู่แข่งขัน (รู้เขา) แล้ว นั้นแสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะเดินไปสู่จุดหมายแห่งความสำเร็จ (ชัยชนะ) พร้อมแล้วที่จะออกสู่สนามรบ ซึ่งการออกรบในที่นี้ไม่ใช่ข้าศึกที่ไหนแต่เป็นข้าศึกที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จ โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 ฝ่ายดังนี้


ฝ่ายแรก คือ ตัวเราเอง ซึ่งมีความคาดหวัง มีเป้าหมาย และต้องมีการเรียน รู้เพื่อพัฒนา ไปสู่ความสำเร็จตามที่ใจต้องการ ฝ่ายที่สอง คือ บริษัท ต้องมีความพร้อม รองรับ สนับสนุน และสร้างโอกาสให้กับเรา สามารถนำเราไปสู่ความ สำเร็จของอาชีพขายตรงได้ 
ฝ่ายที่สาม คือ ลูกค้า ซึ่งอาจจะเป็นผู้ซื้อสินค้าไปบริโภคหรือเป็นทีมงานคุณภาพ สามารถแนะนำ บอกต่อ ปกป้อง และจงรักภักดีต่อบริษัท
ฝ่ายสุดท้าย คือ สังคมหรือชุมชน เราจะต้องเสนอในสิ่งที่ถูกต้องแก่สังคมอย่างชัดเจนและยึดหลักจริยธรรม จรรยาบรรณของการขายตรงอย่างเคร่งครัด เพราะจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่ออาชีพขายตรง
ซึ่งในที่สุดเราก็รบชนะในสมรภูมิของอาชีพขายตรง เพราะการประกอบอาชีพขายตรงไม่ใช่เรื่องยากถ้าคุณมีใจและยึดหลัก “รู้เรา รู้เขา รบชนะ” แล้วคุณจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน (อาชีพขายตรง) และมีความสุขกับมันในทุกวินาทีที่คุณยังมีลมหายใจอยู่
 

ข่าวขายตรง    [ ฉบับที่ 997 ประจำวันที่ 16-5-2009  ถึง 19-5-2009 ]



ปัญหา เกิดได้ ก็แก้ได้

Picture
ปัญหา การทำงานทุกงาน ล้วนต้องเจอะเจอกับปัญหาด้วยกันทั้งนั้นครับ ไม่ว่างานจะเล็กหรือใหญ่ ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จคุณจำเป็นต้องผ่านปัญหาเหล่านั้นไปให้ได้ ดังนั้นการคุณต้องทำความรู้จักกับปัญหาเสียก่อนที่จะแก้ไข

ปัญหาส่วนใหญ่แยกเป็นประเภทได้สองประเภท คือ

-          ปัญหาที่เกิดจากภายใน และ

-          ปัญหาที่เกิดจากภายนอก

ปัญหาที่เกิดจากภายใน คือปัญหาที่เกิดจากภายในตัวคุณเอง คุณเองเป็นคนที่สร้างมันขึ้นมาและเป็นคนเพาะพันธุ์ ทำให้มันเจริญเติบโต ขยายวงกว้างออกไป จนทำให้คุณคิดว่าไม่สามารถแก้ไขได้ แล้วคุณก็จะล้มเหลว แต่ปัญหานั้นก็ยังคงอยู่ต่อไป ติดกับตัวคุณไปไม่ว่าคุณจะทำอะไร

ดังนี้ปัญหาที่คุณเป็นคนสร้างคุณต้องเป็นคนแก้ไขมันเอง คุณเท่านั้นที่รู้จักมันดีกว่าใคร อยู่กับมันมานานกว่าใคร ผู้ที่ประสบความสำเร็จกับผู้ล้มเหลว มีเส้นบางๆ ที่คั่นอยู่ก็คือความคิดของแต่ละบุคคลนั่นเอง การที่จะล้มเหลวหรือได้รับผลสำเร็จนั้น วัดกันตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการคิดและการจัดการความคิด สำหรับคนที่คิดบวกก็มักจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น ตรงข้ามกับคนที่คิดลบ ก็มักจะพบกับเรื่องทางลบหรือปัญหาอยู่เสมอเช่นกัน หากคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างคือปัญหา ผลที่ได้รับก็คือปัญหาต่างๆ ก็จะวิ่งเข้ามาหาคุณ คนทั่วๆ ไปที่มักจะไม่ประสบความสำเร็จอะไรเพราะมัวแต่กังวลหวาดกลัวปัญหา และคิดว่าจะทำไม่ได้ ความคิดส่วนมากที่วกวนในสมองล้วนแต่เป็นความคิดเชิงลบ โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่าเอาแต่หวาดกลัว คิดเพียงว่า ฉันทำไม่ได้หรอก ฉันไม่เก่งหรอก ฉันไม่ดีพอหรอก หรือ ฉันมันโง่จะตาย เหล่านี้เป็นบ่อเกิดของปัญหาทั้งสิ้น

คุณต้องฝึกการควบคุมความคิดของตัวเอง ให้มีความคิดในด้านบวกมากกว่าความคิดในด้านลบ คุณอาจจะยังไม่สามารถคิดในเชิงบวกได้ทั้งหมดหรอก(เพราะคุณยังเป็นคนธรรมดาอยู่) แต่ขอให้ความคิดในเชิงบวกมากกว่าเชิงลบก็พอ แล้วค่อยๆ ฝึกไป แล้วคุณจะพบว่าปัญหาต่างๆ ที่คุณมีมันจะค่อยๆ หายไป หรือคุณอาจจะพบว่าสิ่งที่คุณ เคยคิดว่ามันเป็นปัญหา จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ปัญหาเลย  

ปัญหาจากภายนอก คือปัญหาที่คุณควบคุมไม่ได้เช่น การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ เหล่านี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้เสมอ ที่ว่าควบคุมไม่ได้เพราะสาเหตุของปัญหาเกิดจากคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่คุณ ดังนั้นเราจึงไม่สามารถจะไปควบคุมคนอื่นๆ นั้นได้ การแก้ปัญหาที่เกิดจากภายนอก ทำได้โดยการวิเคราะห์และแยกแยะว่าปัญหานั้นๆ มันมีส่วนที่เข้ามากระทบต่องานหรือเป้าหมายของคุณในด้านใดบ้าง เมื่อรู้แล้วเราจึงจะหาหนทางแก้ไขงานของคุณให้หลบหลีกหรือชลอเวลาเพื่อให้ปัญหานั้นๆ ได้คลีคลายหรือหมดไป ปัญหาภายนอกบางอย่างเราสามารถหลบเลี่ยงได้ ข้อสำคัญคือคุณต้องรู้ว่าปัญหาใดที่เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องหรือจะมีผลกระทบกับงานของคุณ

อย่างเอาเรื่องทุกเรื่องที่ได้ยินได้ฟังมาแล้วเก็บมาเป็นปัญหาของคุณ เพราะมันจะบั่นทอนกำลังใจและความเชื่อมั่นของคุณลงไปเรื่อยๆ โดยที่คุณไม่รู้ตัว ให้ฝึกคิดในเชิงบวกบ่อยๆ เสมอๆ แล้ว

สิ่งดีๆ จะเข้ามาหาคุณเองครับ


ธุรกิจเครือข่ายกับเศรษฐกิจขาลง

Picture
ธุรกิจเครือข่ายกับเศรษฐกิจขาลง
ในโลกของโลกานุวัติ โลกที่เสมือนไร้พรหมแดน การสื่อสารระหว่างผู้คนที่อยู่คนละซีกโลก ทำได้โดยการขยับนิ้วเท่านั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ใดๆ ณ ที่ใดๆ บนโลกใบนี้ทุกคนในโลกก็สามารถรับรู้ได้ ในทันทีหรือเกือบพร้อมๆ กัน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นในสหรัฐอเมริกา หรือที่เรียกว่า วิกฤติแฮมเบอเกอร์ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วโลกย่อมเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะในแต่ละประเทศก็มีธุรกิจที่ไปเกี่ยวข้องกับวิกฤตินี้ทั้งสิ้น !

ธนาคารล้มละลาย ปิดโรงงาน เลิกกิจการ ปลดคนงาน ปลดพนักงาน คนตกงาน เหล่านี้ล้วนเป็นผลกระทบที่เกิดจากวิกฤติเศรษฐกิจทั้งนั้น เป็นดังนี้เราควรจะทำอะไร หรือ เตรียมตัวอย่างไร เพื่อรับมือกับวิกฤตินี้ 

ผมอยากจะแนะนำให้หันมามองธุรกิจเครือข่าย มันอาจจะเป็นคำตอบของคุณก็ได้

คุณเคยได้ข่าวว่าโรงงานที่ผลิตสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน (สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก ฯลฯ) ปลดคนงานหรือไม่ หรือ คุณเคยได้ยินว่าบริษัทที่จัดจำหน่ายสินค้าดังกล่าวข้างต้นปิดบริษัทหรือไม่?

 ไม่เคยเลยใช่ใหมครับ!

เป็นเพราะอะไรละ?

ก็เพราะสินค้าดังกล่าวเหล่านั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องใช้ ไม่สามารถหาสินค้าอื่นมาใช้แทนได้ ดังนั้นถ้าคุณคิดจะทำธุรกิจ คุณก็ควรทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าพวกนี้

โยงเข้าเรื่องธุรกิจเครือข่ายเลยนะครับ บริษัทที่ทำธุรกิจเครือข่ายที่เป็นมืออาชีพ จะเน้นสินค้าที่มีลักษณะที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก เครื่องสำอางค์ ฯลฯ เห็นหรือยังครับ ว่าทำไมธุรกิจเครือข่ายถึงได้เป็นคำตอบของคุณในการรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้
ไม่ใช่เฉพาะกับคนทั่วไปเท่านั้นที่เข้ามาร่วมกับธุรกิจเครือข่าย บริษัทที่ผลิตสินค้าอื่นๆ ที่ไม่มีขายในบริษัทเครือข่าย ต่างก็เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตร เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้หลากหลายและครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว

คุณยังจะมองข้ามธุรกิจเครือข่ายอยู่อีกหรือ


ทำขายตรงต้อง SMART

ไปอ่านเจอใน นสพ. สยามธุรกิจ เห็นว่ามีประโยชน์ เลยนำมาฝากครับ 

อุตสาหกรรมการขายตรงมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และมีความเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อธุรกิจขายตรงเติบโต ก็ต้องดำเนินการควบคู่กับการพัฒนาองค์กรไปสู่มูลค่าของธุรกิจอันมหาศาล มีบริษัทใหม่ๆ เข้าสู่ธุรกิจขายตรงมากมาย จนทำให้เป็นที่น่าจับตามองของผู้บริโภคที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมหรือเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของธุรกิจขายตรงเหล่านั้น ซึ่งผู้บริโภคหลายๆ 

คนก็แปรผันตัวเองมาประกอบอาชีพขายตรงหรือเป็นนักธุรกิจขายตรงอย่างเอาจริงเอาจัง และคาดหวังถึงความสำเร็จในอนาคต โดยในการทำขายตรงนั้นถ้าหากเราตั้งใจจริง เราเลือกทำเพราะความชอบ มีความถนัด และมีความสนุกกับมัน ก็จะทำให้เรามีความสุขในการประกอบอาชีพขายตรง และนำเราไปสู่เป้าหมายแห่ง ความสำเร็จได้ไม่ไกลเกินเอื้อม
การทำขายตรงนั้นเราต้องทำความ เข้าใจ และเรียนรู้ถึงระบบที่แท้จริงของการขายตรงจนสามารถพัฒนาตนเองเป็นนักขายตรงมืออาชีพและประกอบอาชีพขายตรงได้อย่างยั่งยืน และสิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ “ทำขายตรงต้อง SMART” ซึ่งประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้
Specific : เจาะจงการขายตรงเป็นการนำเสนอและส่งมอบสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าเป้าหมายโดยตรง ในลักษณะเจาะจงเฉพาะแต่ละรายหรือแต่ละกลุ่ม ทำให้การขายตรงต้องพบปะกับลูกค้าที่หลากหลาย 
โดยลูกค้าแต่ละคนก็จะมีความต้องการและระดับความพึงพอใจที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของนักขายตรงที่ต้องหา วิธีการตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละรายให้ได้รับความพึงพอใจ 
โดยต้องศึกษา ทำความเข้าใจและพัฒนารูปแบบของการนำเสนอที่มีความแตกต่าง ให้สอดคล้อง และเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย 

ดังนั้น นักขายตรงจะต้องให้ความสำคัญกับการศึกษาความต้องการ และพฤติกรรมของลูกค้าเป้าหมายแต่ละรายอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ นอกจากนี้บริษัทขายตรงก็จะต้องให้การสนับสนุนกับนักขายตรงของบริษัททั้งในด้านการพัฒนาสินค้าหรือบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค และด้านการพัฒนาบุคลากรหรือทีมงานนักขายตรงที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนการสนับ สนุนด้านต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินกิจกรรมของนักขายตรงให้มีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
Modern : ทันสมัย 
ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งอาจจะเป็นไปในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ แต่ที่แน่นอน คือ ทุกคนต้องการในสิ่งที่ดีๆ ตรงกับที่ตนเองคาดหวัง การขายตรงก็เช่นกัน มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะต้องนำเสนอในสิ่งที่ทันสมัย ตรงกับความ ต้องการของทีมงานและผู้บริโภคเป้าหมาย นั่นแสดงให้เห็นว่า บริษัทขายตรงจะต้องมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการในรูปแบบใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ของตลาดขายตรง และนักขายตรงก็จะต้องดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขายตรงด้วยเทคนิคใหม่ๆ ให้สอดรับกับความพึงพอใจของผู้บริโภคและทีมงาน เพราะคงไม่มีใครที่ต้องการพัฒนาในสิ่งที่ลูกค้าไม่ต้อง การหรือล้าสมัย ด้วยปัจจุบันยุคของข้อมูลข่าวสารและการเปลี่ยนแปลงทำให้ผู้บริโภครับรู้ข้อมูลได้ง่ายขึ้น ชอบความรวดเร็ว ทันสมัย และด้วยบริการที่แตกต่างซึ่งโดนใจ 
Achievable : บรรลุเป้าหมาย 
ทุกคนจะต้องมีความจำเป็น ซึ่งเป็นพื้นฐานของความต้องการในสินค้าหรือบริการ หรือเป็นสิ่งกำหนดถึงเป้าหมายในการดำเนินชีวิตของแต่ละคน และสิ่งที่ทุกคนปรารถนาก็คือเป้าหมายแห่งความสำเร็จในชีวิต เป้าหมายถือว่าเป็นสิ่ง สำคัญที่สามารถจูงใจให้เราดำเนินกิจกรรม ต่างๆ เปรียบเสมือนเป็นการกำหนดเส้นชัยที่เราจะต้องเดินทางไปหามัน และถ้าเราสามารถเดินทางไปสู่เส้นชัยที่เรากำหนดไว้ได้นั้นแสดงว่าเราประสบความสำเร็จ สำหรับการขายตรง การบรรลุเป้าหมายถือเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นที่ต้อง การของนักขายตรงซึ่งคาดหวังว่าจะพิชิต มันให้ได้ ทำให้ธุรกิจขายตรงต้องมีการกำหนดแผนการตลาดหรือแผนของการสร้างโอกาสและรายได้ที่มีความชัดเจน เป็นธรรม เข้าถึงหรือบรรลุได้ง่าย และสามารถดึงดูดใจผู้บริโภคหรือทีมงาน ให้ได้รับการตอบสนองความพึงพอใจ และนักขายตรงจะต้องศึกษา ทำความเข้าใจกับแผนการตลาดของบริษัทอย่างชัดเจนโดยต้องวิเคราะห์ถึงศักยภาพของตนเองว่ามีความสามารถที่จะดำเนินการตามแผนดังกล่าวและสามารถบรรลุตามเป้าหมายของแผนดังกล่าวได้หรือไม่ อย่างไรReliability : น่าเชื่อถือ 

สิ่งที่แสดงถึงคุณภาพและภาพลักษณ์ที่ดีของธุรกิจขายตรง คือ ความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นความสามารถของนักขายตรงที่จะนำเสนอและส่งมอบความไว้วางใจ เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคและทีมงานตามที่ได้สัญญาหรือควรที่จะเป็น ได้อย่างเหมาะสม ถูกต้อง ตรงตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของธุรกิจภายในเวลาที่เหมาะสม โดยลูกค้าแต่ละรายจะมีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งแต่ละคนต้องการการเอาใจใส่ ให้การดูแล ด้วยความจริงใจ มุ่งเน้นในคุณภาพของสินค้าและบริการที่สร้างความประทับใจ

การสร้างความน่าเชื่อถือ เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการทำขายตรง ซึ่งจะมีผลต่อทัศนคติในเชิงบวกของผู้บริโภค สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจขายตรง จนนำไปสู่ความพึงพอใจของผู้บริโภคและทีมงานโดยต้องอาศัยข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัย ในรูปแบบการดำเนิน งานที่สอดคล้องและเหมาะสมกับสถาน การณ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นนักขายตรงต้องตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ด้วยความเต็มใจที่จะช่วยเหลือ มีความพร้อม รวดเร็ว ทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกว่าไม่มีความยุ่งยากและมีความเสี่ยงน้อย สร้างให้เกิดความมั่นใจ สะท้อนในภาพลักษณ์ที่ดีของบริษัท และบุคลากร นอกจากนี้บริษัทขายตรงก็ต้องมีการพัฒนาสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ พร้อมที่จะนำเสนอสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนมีแผน การดำเนินงานสู่โอกาสและรายได้ ซึ่งมีความชัดเจน โปร่งใส เป็นธรรมต่อนักขายตรง และง่ายต่อความสำเร็จในทางปฏิบัติ นอกจากนี้ภาพลักษณ์ทางด้านการบริหารจัดการ และฐานะความมั่นคงทางการเงินของบริษัทก็สามารถสร้างความน่าเชื่อให้แก่ผู้บริโภคได้Teamwork : ทำงานเป็นทีม 

ความสำเร็จในเส้นทางอาชีพการขายตรงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยทีมงานหรือเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการทำงานขายตรง ต้องกระทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จ มีการแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกัน มีความสัมพันธ์กัน และมีจุดประสงค์หรือความคาดหวังร่วมกัน ดังนั้นนักขายตรงต้องให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม โดยมีเจตนาที่ดี ตั้งใจ มีทักษะเชื่อมั่นในศักยภาพ ความสามารถของทีมงาน มีการร่วมมือ ประสานงานกันอย่างดี เข้าใจ ยอมรับ และไว้ใจซึ่งกันและกัน สามารถสร้างภาวะความเป็นผู้นำและสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์กรได้ทีมงานที่จะประสบความสำเร็จในการขายตรงคือ กลุ่มของบุคคลที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของทีม โดยต้องยึดถือกรอบเพื่อทำงานร่วมกัน ดังนี้ 

>> มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งหมาย ความว่า ทุกๆ คนในเครือข่ายจะต้องมีเป้าหมาย แนวคิด มุมมองและทัศนคติในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้บรรลุความสำเร็จในอาชีพขายตรง ทีมงานที่มีประสิทธิภาพ จะมีลักษณะโดดเด่นและสมาชิกทุกคนมีความรู้สึกว่าตนเองมีส่วนร่วมในความสำเร็จด้วย>> จัดการด้วยตนเอง สมาชิกในทีมงานต้องยอมรับบทบาทของตนในเวลาต่างๆ กัน สอดคล้องกับความจำเป็น ความต้องการและความสามารถของตน บางคนอาจมีประสบการณ์ในงานเฉพาะอย่าง แตกต่างจากคนอื่นก็สามารถนำมาเป็นส่วนร่วมเพื่อสร้างความสำเร็จให้กับทีมงานหรือเครือข่ายได้ หรือเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้สมาชิกได้ทราบเพื่อใช้ในการพัฒนา แนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมกับตนเองต่อไป>> พึ่งพาตัวเอง ในการดำเนินงานธุรกิจขายตรงต้องอาศัยทีมงานในการขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่รอผลงานความสำเร็จจากเพื่อนสมาชิกเท่านั้น นักขายตรงต้องร่วมกันทำงานตามกำลังความสามารถของตนเอง ให้คำปรึกษาแนะนำและชักจูงเมื่อจำเป็น ร่วมประสานงานในหน้าที่และแก้ไขปัญหาอุปสรรคร่วมกัน ทุกคนต่างเอื้ออาทรช่วยเหลือกันและมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ถ้ามีบุคคลหนึ่งบุคคลใดทำงานเกินกำลังหรือประสบปัญหายุ่งยากอันใด ก็จะต้องร่วมมือกันช่วยเหลือนำพาทีมงานไปสู่ความสำเร็จ
เมื่อสถานการณ์ต่างๆ ได้เปลี่ยน แปลงไป นักขายตรงก็ต้องพัฒนาและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อความยั่งยืนในอาชีพการขายตรง แต่ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไปสิ่งที่สำคัญเราจะต้องมีความสุขในทุกๆ วัน ขอให้ทุกคนมีความสุขในอาชีพขายตรง และทำขายตรงต้อง “S-M-A-R-T”

สยามธุรกิจ ฉบับที่ 995 ประจำวันที่ 9-5-2009  ถึง 12-5-2009

ธุรกิจเครือข่ายต่างจากแชร์ลูกโซ่อย่างไร

หลายๆ คนคงเคย "คิดว่า" "ได้ยินมาว่า" "เค้าบอกว่า" หรืออื่นๆ ว่า ธุรกิจเครือข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่หรือเป็นธุรกิจเดียวกัน ผมเองก็เคยคิดและเคยฟังมาเหมือนกัน เพราะไม่รู้รายละเอียดและไม่เคยสนใจธุรกิจนี้มาก่อน เห็นว่าเป็นงานขายสินค้า หาสมาชิกหลายๆ คนมาต่อเรา ผมเลยสรุปเอาเองว่า "ธุรกิจเครือข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่" แถมยังไปบอกคนอื่นๆ ที่มาถามด้วย แต่พอได้เข้ามาศึกษาอย่างละเอียดแล้วพบว่า ธุรกิจเครือข่าย กับ แชร์ลูกโซ่นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง !! เป็นโชคดีของผมที่ได้รู้ความจริงเสียก่อนที่จะมี อคติต่อธุรกิจนี้มากไปกว่านี้จากการศึกษาผมพบว่าแชร์ลูกโซ่ เป็นวิธีการที่เลียนแบบหรือนำแผนการตลาดของธุรกิจเครือข่ายมาใช้ (แบบผิดๆ) โดยใช้จุดอ่อน (หรือข้อที่คนไม่ชอบ) ชองธุรกิจเครือข่ายมาเป็นจุดขายหรือจูงใจ เพื่อให้ผู้คนสนใจแล้วสมัครเข้าร่วม บางครั้งเราเรียกแผนแบบนี้ว่า "มันนี่เกมส์ (Money Game) เพราะมุ่นเน้นการระดมทุนเป็นหลัก ในประเทศไทยถือว่า แชร์ลูกโซ่เป็นธุรกิจที่ผิดกดหมาย !!

ธุรกิจเครือข่าย หรือ MLM (Multi-Level Marketing) - เป็นธุรกิจที่มีแผนการตลาดที่เน้นการกระจายสินค้าโดยการแนะนำหรือจำหน่าย โดยนักธุรกิจอิสระและสามารถหาสมาชิกเข้ามาร่วมเครือข่ายได้ เรียกว่า "เครือข่ายผู้บริโภค" ผลตอบแทนของสมาชิกแต่ละคนจะได้จากส่วนลดหรือเปอเซนต์จากยอดการใช้หรือการจำหน่ายของเครือข่ายของแต่ละคน ดังนั้นการเข้าร่วมธุรกิจนี้ก่อนหรือหลังไม่ไช่เรื่องสำคัญ ส่วนสินค้าจะเน้นสินค้าที่ใช้ประจำวันที่ใช้แล้วหมดไปแล้วซื้อซ้ำ คุณภาพดี แขร์ลูกโซ่ หรือ Money Game - เป็นรูปแบบการดำเนินธุรกรรมที่มุ่งประสงค์เพื่อหารายได้ โดยมีสัญญาในการเข้าร่วมธุรกิจที่จะตอบแทนผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ที่สูงกว่าเงินลงทุน ซึ่งผู้ประกอบการมักจะอ้างถึงการนำเงินไปลงทุนในรูปแบบอื่นๆ  ต่อๆ ไป เพื่อปันรายได้แจกจ่ายผู้เข้าร่วมธุรกิจอย่างทั่วถึง แต่ผลของมันคือ การที่ตอบแทนผลประโยชน์ในช่วงต้นๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเข้าร่วมธุรกิจต่อเนื่องจนเมือถึงจุดที่ผู้ประกอบการ หวังผลในการระดมสำเร็จแล้ว ก็จะหาทางปิดตัวไปเพื่อ หลีกเลี่ยงการจ่ายผลประโยชน์ต่อๆ ไป หรืออาจจะดำเนินการต่อเนื่องจนกว่าฐานที่เข้ามาหรือผู้เข้าร่วมธุุุรกิจที่เข้ามาในช่วงหลัง จะไม่สามารถหมุุนเวียนเงินตอบแทนได้กับคนที่เข้ามาก่อนได้ ก็จะเริ่มปิดตัวลงธุรกิจเครือข่าย เงินลงทุนและค่าธรรมเนียมในการเริ่มต้นธุรกิจต่ำ เพียงจ่ายเงินค่าสมัครเพื่อรับคู่มือความรู้ เอกสารฝึกอบรม และผลิตภัณฑ์ตัวอย่างเท่านั้น หากต้องการลาออก บริษัทต้นสังกัดก็ยินดีคืนเงินค่าสมัครและค่าผลิตภัณฑ์ที่ได้ซื้อไปเต็มจำนวนด้วย

แชร์ลูกโซ่ ค่าธรรมเนียมการสมัครสูง ผู้สมัครจะถูกหลอกให้จ่ายค่าฝึกอบรมและซื้อสินค้าเกินความต้องการและจะไม่ ยอมคืนค่าสมัคร หรือค่าผลิตภัณฑ์ให้
ธุรกิจเครือข่าย จำหน่ายผลิตภัณฑ์หลากชนิดที่มีคุณภาพสูง ยอดขายจะมาจากการจำหน่ายสินค้า ได้ซ้ำหลายครั้ง และความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ ดังนั้นบริษัทจะทุ่มเทเงิน ลงทุนเพื่อการวิจัย ค้นคว้าและพัฒนา คุณภาพของสินค้า
แชร์ลูกโซ่ ไม่สนใจที่จะขายสินค้าคุณภาพ ดังนั้นสินค้าส่วนใหญ่จะมีคุณภาพต่ำ ผลกำไรของระบบปิระมิดจะมาจากการรับสมัครสมาชิกใหม่ ซึ่งจะถูกบังคับให้ซื้อสินค้าที่มีราคาสูงเป็นจำนวนมาก
ธุรกิจเครือข่าย รับประกันคุณภาพและความพอใจในตัวสินค้า ลูกค้าสามารถเปลี่ยนหรือคืนสินค้าได้หากไม่พึงพอใจภายในระยะเวลาที่กำหนด
แชร์ลูกโซ่ ไม่มีนโยบายรับซื้อสินค้ากลับคืนจากนักขายเพราะอาจทำให้ระบบปิระมิดล้มทลายลงได้
ธุรกิจเครือข่าย ตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจในระยะยาวเป็นสำคัญ เพราะบริษัทต้องมีความรับผิดชอบต่อนักขาย ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจอย่างแท้จริง
แชร์ลูกโซ่ ร่ำรวยในระยะเวลาอันรวดเร็วบนความทุกข์ของผู้อื่น โดยผู้เข้าร่วมจำนวนมากที่ฐานของปิระมิดจะเป็นผู้จ่ายเงินให้แก่คนไม่กี่คน ที่อยู่ในระดับจุดยอดของปิระมิด ซึ่งธุรกิจรูปแบบนี้ไม่สามารถอยู่ได้ยาวนาน
ธุรกิจเครือข่าย การจ่ายผลประโยชน์รายได้ และตำแหน่งขึ้นอยู่กับการทำงานของนักขาย นั่นหมายถึงรายได้จะมาจากยอดขายที่ขายสินค้าได้
แชร์ลูกโซ่ สามารถซื้อตำแหน่งที่อยู่ในระบบได้ 
ธุรกิจเครือข่าย การก่อตั้งธุรกิจขึ้นอยู่กับการขายสินค้าคุณภาพซึ่งคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป และบริษัทจะให้ความสนใจในการขยายตลาดให้กว้างออกไป
แชร์ลูกโซ่ ระบบนี้จะไม่เน้นการขายสินค้าให้กับผู้บริโภค แต่ผลกำไรจะมาจากสมาชิกที่สมัครใหม่ซึ่งจะต้องซื้อสินค้าเพื่อกักตุน มิใช่เพราะสินค้ามีประโยชน์ หรือคุ้มค่าคุ้มราคา แต่ถูกบังคับให้ซื้อตามระบบ สมาชิกใหม่จะต้องแบกรับภาระกับสินค้าที่ตนขายไม่ได้ และเมื่อระบบปิระมิดนี้ล้มทลายลง ก็จะไม่ได้รับเงินลงทุนกลับคืนมาเลย
ธุรกิจเครือข่าย มีนักขายอิสระที่อาศัยการขายสินค้าเพื่อสร้างรายได้
แชร์ลูกโซ่ ฉ้อฉลหลอกลวงให้คนเข้ามาในระบบ
ธุรกิจเครือข่าย มีกฎระเบียบที่เข้มงวดในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะมีข้อห้ามมิให้นักขายกักตุนสินค้า
แชร์ลูกโซ่ ผู้เข้าร่วมจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการสมัครสูงหรือจ่ายค่าสินค้าซึ่งถูกบังคับให้ซื้อในตอนที่สมัคร
ธุรกิจเครือข่าย นักขายจะเน้นในเรื่องการขายสินค้าและการให้บริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง
แชร์ลูกโซ่ เน้นการรับสมัครสมาชิกใหม่เป็นหลัก โดยไม่สนใจการขายสินค้าและการบริการหลังการขาย แก่ลูกค้า
ธุรกิจเครือข่าย เป็นการขายสินค้าอีกรูปแบบหนึ่งนอกเหนือจากการขายตาม ห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าปลีก และเป็นธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งผู้บริโภค นักขาย และบริษัทขายตรงได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
แชร์ลูกโซ่ เป็นระบบที่ผิดกฎหมายในสหรัฐอเมริกาหลายประเทศในยุโรป รวมทั้งเอเชีย

ดังกล่าวข้างต้น ธุรกิจเครือข่ายที่แ้ท้จริงจะต้องมีคุีณสมบัติครบทุกข้อจึงจะเป็นธุรกิจเครือข่าย แต่ แขร์ลูกโซ่มีเพียงคุณสมบัติข้อเดียวก็เป็นแขร์ลูกโซ่แล้ว

ธุรกิจเครือข่ายก็เป็นอาชีพหนึ่งครับ


"อาชีพ" หลายๆ คนคงตีความหมายว่าเป็น "งาน" และคำว่า "งาน" หลายคนก็ตีความว่าต้องมีบริษัท ต้องมีร้านค้าหรือสำนักงาน เพื่อนร่วมงาน ฯลฯ แต่พอสมัครเข้าเป็นนักธุรกิจอิสระ ธุรกิจเครือข่ายกลับมองว่า ธุรกิจเครือข่าย ไม่ได้เป็นงาน เพราะธุรกิจเครือข่ายไม่มีส่วนประกอบต่างๆ เหมือนกับงานที่กล่าวข้างต้น ดังนั้นความตั่งใจและความมุ่งมั่นจึงไม่เท่ากับสิ่งที่คุณคิดว่าเป็นงาน

ผมอยากให้คุณมองว่า "ธุรกิจเครือข่าย" ก็เป็นอาชีพ อาชีพหนึ่งเหมือนกัน เพราะเราจะได้ให้ความสนใจและตั้งใจทำเหมือนงานอื่นๆ เพราะสาเหตุหนึ่งที่นักธุรกิจเครือข่ายที่สมัครเข้ามา แล้วพอทำไปได้สักระยะหนึ่งก็เลิกทำหรือออกจากธุรกิจนี้ไป เพราะไม่ได้คิดว่า ธุรกิจเครือข่ายก็เป็นอาชีพหนึ่ง


ธุรกิจเครือข่าย แฟรนไชส์ของมหาชน

เมื่อพูดถึง "แฟรนไชส์" แล้วปัจจุบันคงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะถ้ามีให้เราเห็นอยู่ดาษดื่นทั่วไป ก็พวกร้านสะดวกซื้อทั้งหลายที่เปิด 24 ชั่วโมงไงละครับ ทุกๆ ก็อยากจะเป็นเจ้าของเจ้าร้านที่ว่านี้ซักแห่ง

ก็ไม่ยากครับ ถ้าคุณมีทำเลดีๆ และตึกแถวอย่างน้อยสัก 2 ห้อง บวกกับเงินซักก้อน (ใหญ่) เป็นค่าแฟรนไชน์หรือค่าลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า และค่าตกแต่งและซื้อสินค้าเข้าร้าน คุณก็สามารถเป็นเถ้าแก่ ได้ในชั่วข้ามคืน โดยที่ไม่ต้องทำอะไร ทางเจ้าของลิขสิทธิ์เจ้าเข้ามาเป็นธุระในการจัดจ้างพนักงาน ฝึกหัดพนักงาน และการบริหารเรืองระบบการบัญชีการเงิน และระบบคลังสินค้า ฯลฯ โดยกำไรที่ได้เมื่อหักทุนแล้ว จะแบ่งกันระหว่างคุณกับเจ้าของลิขสิทธิ์ ธุรกิจนี้น่าสนใจใช่ใหมครับ

แต่ปัญหามันอยู่ที่ ไช่ว่าทุกคนจะมีพร้อมทุกอย่างที่กล่าวข้างต้น โดยมากจะเป็นเรื่องทุนที่ค่อนข้างสูง ไหนยังจะทำเลที่ต้องไปหา ทำเลดีก็ราคาสูง ฯลฯ แล้วคนเดินดินอย่างเราๆ จะพอมีสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของเจ้าร้านที่ว่านี้สักร้านได้ไหมนี่

ที่นี้ลองมาดูธุรกิจเครือข่ายบ่้างครับ ผมจะอธิบายให้เห็นว่า มันเกี่ยวกับ แฟรนไชน์ ตรงไหนกัน ตามผมมาครับ

เปรียบเทียบเป็นตารางได้ดังนี้ครับ

แฟรนไชน์ร้านสะดวกซื้อ                                ธุรกิจเครือข่าย
1. ค่าลิขสิทธิ์ราคาสูง (มาก)                          1. ค่าสมัครสมาชิกและใช้ลิขสิทธื์ราคาต่ำ
2. มีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างร้านค้า                 2. บริษัทธุรกิจเครือข่ายเป็นผู้หาทำเลและก่อสร้าง
3. มีค่าใช้จ่ายในเรื่องพนักงาน                        3. ไม่มีพนักงาน
4. ไม่สามารถขยายร้านหรือสาขาได้เอง           4. สามารถขยายเครือข่ายได้ไม่จำกัด
5. มีความเสี่ยงในเรื่องคู่แข่งหรือปัจจัยอื่นๆ        5. ไม่มีความเสี่ยง
6. สินค้าในร้านเป็นสินค้าที่หาซื้อที่อืนๆ ได้        6. สินค้าดีมีคุณภาพขายเฉพาะสมาชิกเท่านั้น

เห็นไหมครับ มีอะไรที่ต่างกันบ้าง อาจจะต่างกันก็ตรงที่ ธุรกิจเครือข่าย คุณเป็น "เจ้าของลิขสิทธ์" สามารถขยายเครือข่ายได้ แต่แฟรนไชน์คุณมีฐานะเป็น "ผู้ซื้อสิขสิทธิ์" ไม่สามารถขายให้ใครได้ครับ

ดังนี้ธุรกิจเครือข่ายจึงเรียกได้ว่าเป็น "แฟรนไชน์ของมหาชน"


เลือกบริษัททำธุรกิจอย่างไรดี

                                         



                  “
อยากทำธุรกิจเครือข่าย





ถ้าคุณได้อ่านมาถึงขั้นตอนนี้แสดงว่าคุณมีความเข้าใจในธุรกิจนี้แล้ว รวมถึงยังมีทัศนคติที่ดีต่อธุรกิจนี้อีกด้วย


ตอนนี้มาดูกันว่าคุณควรจะเลือกบริษัทที่คุณจะร่วมทำธุรกิจด้วยหรือเข้าไปเป็นหุ้นส่วนด้วยอย่างไร

บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ ธุรกิจเครือข่าย นั้นมีมากมายครับทั้งบริษัทในประเทศและบริษัทที่มาจากต่างประเทศ   แต่ละบริษัทก็โฆษณาว่า แผนการตลาดดีกว่าบ้าง สินค้าดีกว่าบ้าง และทำได้ง่ายว่าบ้าง ผมขอบอกเลยว่า บริษัท   ที่โฆษณาอย่างนั้น คุณไม่ควรเข้าไปร่วมทำธุรกิจด้วยเป็นอันขาด !! การที่คุณจะเลือกว่าจะเข้าไปร่วมทำธุรกิจกับบริษัทใด คุณควรพิจารณาให้รอบคอบครับ จะได้ไม่เสียเวลาครับ 

เริ่มต้นดีก็มองเห็นเส้นชัยแล้ว” 

ปัจจัยประกอบการตัดสินใจในการเลือกบริษัท

1.       สินค้าดี
เพราะว่าธุรกิจที่คุณจะทำนั้นเป็นธุรกิจการขยายเครือข่ายผู้บริโภคหรือการใช้สินค้า ดังนั้นสินค้าจะต้องมีคุณภาพดีเพื่อที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภค จะทำให้มีเกิดการซื้อซ้ำและแนะนำสินค้าต่อๆ ไป จำไว้ว่า
                         สินค้าคุณภาพดีนั้น สินค้านั้นจะขายด้วยตัวของมันเอง

2.       ประเภทของสินค้า
สินค้าที่คุณจะทำการตลาดควรเป็นสินค้าประเภค อุปโภค บริโภค ที่มีลักษณะใช้ทั่วไป ในชีวิตประจำวัน เป็นสินค้าที่ใช้แล้วหมดไป หมดแล้วซื้อซ้ำ สินค้าดังกล่าวตัวอย่างเช่น

-          สินค้าที่ใช้ประจำในครัวเรือน เช่นสบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผงซักฟอก ฯลฯ
-          เครื่องสำอางค์ หรือสินค้าที่ใช้เกี่ยวกับร่างกาย
-          สินค้าประเภทผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บำรุงร่างกาย
-          ครอบคลุมทุกกลุ่มของผู้บริโภค เพศวัย ฯลฯ

สินค้าประเภทนี้ เป็นสินค้าที่มีลักษณะใช้แล้วหมดไป และถ้าผู้ใช้ประทับใจในตัวสินค้า ก็จะทำให้เกิดการซื้อซ้ำ นั่นคือ ธุรกิจของคุณ
บริษัทใดที่ไม่ได้ให้ความสำคัญในตัวสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ ระยะแรกคุณอาจจะทำธุรกิจได้แต่เมื่อทำธุรกิจไปสักระยะคุณก็จะเจอปัญหา การใช้สินค้าไม่ประทับใจและไม่เกิดการซื้อซ้ำ ลักษณะนี้เป็นลักษณะแชร์ลูกโซ่!! 

3.       
บริษัทดี
บริษัทที่คุณเลือกเข้าไปทำธุรกิจด้วยนั้น ต้องเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเครือข่ายแท้ๆ ที่ว่าแท้ๆ นั้นคือเป็นมืออาชีพและเป็นที่รู้จักหรือเป็นอันดับหนึ่งหรืออันดับต้นๆ ในธุรกิจนี้ มีความเป็นมืออาชีพ เพราะจะได้ช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้ ลักษณะของบริษัทที่ดี ได้แก่

มีความมั่นคง – หมายความว่าตัวบริษัทเองมีฐานะทางการเงินมั่นคง ทั้งการลงทุน และทรัพย์สิน ตัวนี้เป็นตัวให้ความมั่นใจกับคุณว่า บริษัทสามารถจ่ายเงินให้คุณได้ตลอดไปหรือไม่ คุณคงไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ธุรกิจของคุณกำลังไปได้ดี อยู่ๆ บริษัทแม่ก็ปิดตัวเพราะมีปัญหาทางการเงิน

ประวัติความเป็นของบริษัท – บริษัทมีประวัติการดำเนินธุรกิจหรือมีความเป็นมาอย่างไร เพราะประวัติศาสตร์สามารถเป็นตัวบอกถึงอนาคตได้ คุณควรเลือกบริษัทที่มีเปิดดำเนินการมานาน มีประวัติการพัฒนาและขยายกิจการหรือลงทุนอย่างต่อเนื่อง เป็นที่รู้จักหรือมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับโลก

ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดี  สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่บริษัทผลิตต้องมีคุณภาพที่ดี ยิ่งถ้าติดอันดับโลกได้ยิ่งดี เพราะ สินค้าดีจะขายตัวเอง” สินค้าที่บริษัทผลิตนั้นควรครอบคลุม อุปโภค บริโภค ดังที่กล่าวข้างต้นและสินค้านั้นต้องมีการพัฒนารวมถึงผลิตสินค้าชนิดใหม่อย่างต่อเนื่อง และควรครอบคลุมความต้องการของทุกๆ กลุ่มของผู้บริโภค เช่น เพศวัยรสนิยม ฯลฯ และต้องมีการรับประกันในตัวสินค้า

สินค้าระดับโลก  ถ้าสินค้าของบริษัทเป็นสินค้าระดับโลก มีผู้ใช้ในหลายๆ ประเทศ เพราะจะได้เป็นตัวรับประกันในคุณภาพของสินค้าได้อย่างดี

4. แผนการตลาดดี 
แผนการตลาดนั้นถือเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของธุรกิจนี้ เพราะถ้าบริษัทดี สินค้าดี แต่ถ้าแผนการตลาดไม่ดี ก็เท่ากับ ตายตอนจบ ที่ว่าแผนการตลาดดีนั้นเป็นอย่างไรละ แผนการตลาดที่ดีนั้นได้แก่

o   ความเสมอภาค ที่ทุกคน ทุกวัย ทุกเพศ ทุกฐานะฯ สามารถทำได้โดยที่ไม่เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ
o   ความยุติธรรม การจ่ายผลตอบแทนต้องยุติธรรมมีหลักเกณฑ์แน่นอน การมาก่อน มาหลัง ของนักธุรกิจที่เข้ามาร่วม ไม่เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ
o   ความมั่นคง แผนการตลาดต้องมีความมั่งคง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเนื้อหาหลักบ่อยๆ
o   ความเป็นมาตรฐาน แผนการตลาดต้องมีมาตรฐาน ที่เหมือนกันในทุกๆ ประเทศที่มีบริษัทอยู่ จะต่างกันบ้างในส่วนปลีกย่อยได้ แต่เนื้อหาและหลักการหลักๆ แล้ว ต้องเหมือนกัน

5.   มีพันธมิตรทางธุรกิจ - บริษัทธุรกิจเครือข่ายที่มีพันธมิตรทางธุรกิจมาก เท่ากับว่าได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า   การมีพันธมิตรมากทำใ ห้มีสินค้าไดัหลากหลายขึ้นด้วย ด้งนั้นถ้าเราได้เข้าร่วมกับบริษัทนั้นแล้ว เท่ากับว่าเราได้มีพันธมิตรเช่นกัน 

ุ6.   ถูกกฏหมาย – ต้องถูกกฏหมายครับ ต้อง ถูกกฏหมาย 

ตอนนี้คุณก็รู้วิธีพิจารณา และวิธีเลือกบริษัทธุรกิจเครือข่ายแล้วนะครับ ก่อนตัดสินใจลงมือทำ ถ้าเลือกแล้วขอให้ตั้งใจทำอย่างมุ่งมั่นครับ แล้ว

                                      ความสำเร็จจะอยู่แค่เอื้อม


ธุรกิจซื้อตรง

ธุรกิจ ซื้อตรง

บางคน อาจเข้าใจว่าผมพิมพ์ผิด เพราะเคยได้ยินแต่คำว่า ขายตรง หรือ ธุรกิจขายตรง แต่ผมจะบอกว่า ธุรกิจซื้อ ตรงก็คือ ธุรกิจขายตรง นั้นละ คุณอาจจะหาว่าผมกวนประสาทหรือพูดจาไม่เข้าหู ฟังผมอธิบายก่อนครับ

ธุรกิจขายตรง  คือธุรกิจที่นำสินค้าจากโรงงานหรือจากบริษัทไปเสนอขายให้กับผู้ซื้อหรือลูกค้าถึงที่บ้านหรือที่ทำงานหรือที่อื่นๆ ก็แล้วแต่ ใช่ไหมครับ โดยสินค้านั้นไม่ได้มีวางขายในที่ไหนๆ จะต้องซื้อกับผู้ที่นำไปขายให้เท่านั้น ใช่ไหมครับ? พอมาเป็นธุรกิจเครือข่าย ลักษณะก็คล้ายกับธุรกิจขายตรงแต่คุณสามารถสร้างเครือข่ายได้ ดังนั้นการที่คุณจะทำธุรกิจขายตรงหรือธุรกิจเครือข่าย แล้วพยายามชักชวนญาติๆ หรือเพื่อนๆ หรือคนอื่นๆ  ให้มาร่วมทำธุรกิจกับคุณด้วย พวกเขาเลยเข้าใจว่า คุณได้ชวนพวกเขาให้มารับสินค้าที่โรงงานหรือบริษัทเพื่อนำไปขายด้วยใช่ไหมครับ? เขายังคิดเลยไปอีกว่า เขาทำไม่ได้หรอกเพราะเขาไม่มีเวลาไปรับสินค้าไปแล้วนำไปส่งลูกค้าหรือบริการลูกค้าหรืออื่นๆ  ก่อนที่คุณจะอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจเสียอีก

ต่อมาเมื่อมีการพัฒนาระบบและรูปแบบของธุรกิจขายตรงหรือธุรกิจเครือข่าย โดยบริษัทธุรกิจเครือข่าย ได้เพิ่มช่องทางในการซื้อสินค้าโดยเปิดร้านในรูปแบบร้านสะดวกซื้อหรือช้อปต่างๆ ไว้รองรับลูกค้าสมาชิกให้สามารถ ซื้อตรง จากบริษัทได้ในราคาสมาชิกหรือราคาทุน และยังถูกกว่าซื้อกับนักธุรกิจขายตรงเสียอีก !

ดังนั้นผมจึงขอเรียกการทำธุรกิจเครือข่ายซึ่งเดิมที่การกระจายสินค้าเป็นแบบ ขายตรง ว่า ซื้อตรง

                                                           "

                                        คุณเห็นด้วยกับผมหรือเปล่าครับ

                                                           “


 
mlm,multi-level marketing,network marketing,network sale,direct sale,direct marketing,amway